ครม.อนุมัติแจกเงิน โครงการเราชนะ 7,000 บาท อีก 2.4 ล้านคน พร้อมขยายเวลาถึง 30 มิ.ย. 64
การประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 เม.ย. 64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ในรูปแบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยกระทรวงการคลัง จะเสนอขอขยายระยะเวลาการใช้เงินในโครงการเราชนะเพิ่มอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2564 เป็น 30 มิ.ย. 64 เพื่อให้ผู้ที่พึ่งได้รับสิทธิเราชนะบางส่วน เช่น ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้พิการ ผู้สูงวัย ซึ่งได้รับวงเงินไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสวางแผนและทยอยจับจ่ายใช้เงินได้ดีขึ้น
ด้านกระทรวงสาธารณสุข เสนอแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข พ.ศ. 2563-2565
กระทรวงมหาดไทย เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์
คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ขออนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของจังหวัดเชียงราย ของกรมการขนส่งทางบก
กระทรวงพลังงาน เสนอปรับเงินเดือนค่าจ้างชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างแรกเข้าทำงาน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โดยประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ “โครงการเราชนะ” เพื่อให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการ
- ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,133 ล้านบาท
- ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 112,772 ล้านบาท
- ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,039 ล้าน
อย่างไรก็ตามต้องรอการประกาสอย่างเป็นทางการของโครงการผ่านทางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าจะมีผลและมีเกณฑ์ในการเข้าร่วมโครงการรอบใหม่อย่างไร
อ้างอิง : โฆษกกระทรวงการคลัง