ครม.เคาะแล้ว รถไฟทางคู่เฟส 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา

ครม.เคาะแล้ว รถไฟทางคู่เฟส 2  ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา
ครม.เคาะแล้ว รถไฟทางคู่เฟส 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา

ครม.เคาะแล้ว รถไฟทางคู่เฟส 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา

จากรายงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะ(เฟส)ที่ 2 รวม 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,483 กิโลเมตร(กม.) วงเงินก่อสร้างรวมกว่า 2.67 แสนล้านบาทว่า โดย ณ ขณะนี้ทางรฟท. กำลังเร่งปรับปรุงแก้ไขรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในทุกเส้นทาง ยกเว้นเส้นทางช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. ซึ่งผ่านอีไอเอแล้ว

ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติมด้วย โดยจะเสนอให้คณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาได้ในเดือน มิ.ย.63 และคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ได้ไม่เกินเดือน ก.ย.นี้

รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งต่อว่า โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 กว่า 7 สายซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงินก่อสร้าง 5.61 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ สศช. หรือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังมีบางคำถามเกี่ยวกับแผนลงทุนรถไฟทางคู่ เพราะต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่าเมื่อลงทุนแล้วจะเกิดความคุ้มค่า เกิดประโยชน์ และสนับสนุนธุรกิจของ รฟท. อย่างไร ซึ่งได้ยืนยันแล้วว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง และการขนส่งสินค้า เพราะทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น ไม่ต้องสับหลีกทาง

แน่นอนว่าการเข้ามาของรถไฟทางคู่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในข้อดีนั้น รถไฟรางคู่ช่วยลดเวลาการขนส่งได้ถึง 30% หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ สามารถอธิบายได้ว่าโดยการใช้รถไฟทางเดี่ยวในปัจจุบันใช้เวลาประมาณ 12-14 ชั่วโมง จะลดลงเหลือเพียง 9-10 ชั่วโมงเท่านั้นหากเป็นการขนส่งโดยรถไฟทางคู่ ซึ่งใกล้เคียงกับการขนส่งด้วยรถบรรทุก แต่ต้นทุนถูกกว่า 2 เท่า ในส่วนของข้อเสียงจะเป็นในเรื่องระหว่างการก่อสร้างว่ามีผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อผู้คน และธรรมชาติที่มีการผ่านของรถไฟรางคู่

 

อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม : โครงการพิเศษรถไฟรางคู่ ภายใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย

HATYAITODAYNEWS

ทั้งนี้ท่านสามารถติดตามรายงานสถานการณ์โควิด-19 ได้ในแบบเรียลไทม์

Next Post

สาธารณสุขเตือนชาวใต้ ระวังอาหารเป็นพิษจากลูกเนียง

Mon Jun 15 , 2020
สาธารณสุขเตือนชาวใต้ ระวังอาหารเป็นพิษจากลูกเนียง จากการรายงานกรมคร. พยากรณ์โรคฯ ฉบับที่ 266 คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทาน “ลูกเนียง” ได้ เนื่องจากในช่วงนี้ ของทุกปีเป็นฤดูกาลที่ต้นลูกเนียงเริ่มให้ผลผลิตและออกสู่ตลาด ทำให้ประชาชนานเราเก็บหรือซื้อมารับประทาน ซึ่งการรับประทานในปริมาณที่มากจะทำให้เกิดอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษได้ โดย “ลูกเนียง” หรือ เมล็ดเนียง” ประชาชนภาคใต้บ้นิยมกินกับน้ำพรีกหรือแกงพุงปลา หรือนำมาต้มทำของหวาน ส่วนที่นำไปกินคือ เมล็ดข้างในเปลือก มีกลิ่นฉุน รสชาติมัน อร่อย กินได้ทั้งผลอ่อนและแก่ แน่นอนว่า ลูกเนียงมีสรรพคุณช่วยควบคุมเบาหวาน และขับปัสสาวะ แต่ในด้านความเป็นพิษพบว่ามีสารพิษที่เรียกว่า “กรดเจงโคลิค” เป็นกรดอะมิโนที่มีกรดทำมะทันสูงมาก สารพิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลงหากอาการรุนแรงจะทำให้ไตล้มเหลวจนถึงเสียชีวิตได้ อาหารเป็นพิษจากลูกเนียงโดยทั่วไปพบได้น้อย โดยรายที่มีอาการพบว่ากินลูกเนียงดิบปริมาณมาก จากนั้น 2-14 ชั่วโมงต่อมา จะมีอาการทางไต ปวดบริเวณขาหนีบ ปัสสาวะลำบากและปวดปัสสาวะมาก น้ำปัสสาวะ ขุ่นขั้นเป็นสีน้ำนม และอาจปัสสาวะเป็นเลือด บางรายมีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน ในรายที่รุนแรงขึ้นอาจปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเรียกว่าเป็น “นิ่ว” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “มัด” […]
ปกข่าวสำหรับเว็บ ต้นฉบับ 01