สคร.12 สงขลา เตือนประชาชนระวังโรคฉี่หนู เลี่ยงเดินลุยน้ำ พื้นที่ชื้นแฉะด้วยเท้าเปล่า แนะสวมรองเท้าบูทป้องกัน นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวถึงสถานการณ์ โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือโรคฉี่หนู ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 ว่าได้รับรายงานผู้ป่วย จำนวนทั้งสิ้น 147 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย จังหวัดสงขลา 4 ราย และจังหวัดนราธิวาส 1 ราย อัตราป่วยสูงสุดอยู่ที่จังหวัดยะลา รองลงมาจังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง ส่วนกลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมา กลุ่มอายุ 35-44 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี และอาชีพรับจ้างมีจำนวนผู้ป่วยสูงสุด รองลงมาเป็นเกษตรกร และนักเรียน ซึ่งโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือโรคฉี่หนู เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า เชื้อเลปโต สไปร่า (Leptospira) เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยขีดข่วน รอยถลอกตามผิวหนัง เยื่อบุตา จมูก ปาก หรือโดยการไชเข้าทางผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน ซึ่งมักจะระบาดหน้าฝน และโดยเฉพาะหลังน้ำลด พบผู้เสี่ยง ต่อการติดเชื้อในเกษตรกร ที่ต้องเดินลุยน้ำ มีน้ำขัง หรือพื้นดินชื้นแฉะที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ได้แก่ วัว ควาย หมู หมา แพะ หนู รวมทั้งผู้ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละสัตว์ที่มีเชื้อโรคฉี่หนู ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคดังกล่าว นายแพทย์เฉลิมพลฯ กล่าวเน้นย้ำว่า หากมีอาการไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณน่องและโคนขา หลังจากสัมผัสพื้นที่น้ำขัง ดินที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ได้แก่ วัว ควาย หมู หมา แพะ หนู หรือผู้ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ หรือสัมผัสสัตว์ที่มีเชื้อโรคฉี่หนู ให้สงสัยว่าเป็นโรค เลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) อย่าซื้อยามารับประทานเอง ควรไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการลุยน้ำให้ทราบ เพื่อประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้อง หากมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนป้องกันตัวเอง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำขัง เนื่องจากหนู หมู วัว และควายอาจจะมาปัสสาวะไว้ ทำให้มีปริมาณเชื้อเข้มข้น หลีกเลี่ยงการลุยน้ำที่ท่วมขัง หรือโคลน […]
ข่าวภาคใต้
ผู้ว่าฯ จังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรบ้านประกอบ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เตรียมความพร้อมเปิดให้บริการเพื่อการขนส่ง เมื่อวันที่ 15 ก.ค.63 ที่ผ่านมานายนาจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ด่านศุลกากรบ้านประกอบ อำเภอนาวี จังหวัดสงขลาพร้อมด้วย นายวรนัฎฐ์ หนูรอต ปลัดจังหวัดสงขลา และหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรบ้านประกอบ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อเตรียมพร้อมเปิดให้บริการในการการส่งเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยมี นายพงษ์เกียรติ กุศลศิลป์วุฒิ นายด่านศุลกากรบ้านประกอบ และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรบ้านประกอบให้การต้อนรับ การเตรียมความพร้อม มาตรการต่างๆในการเปิดด่านฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการบางรายเป็นผู้ส่งออกอาหารสด ได้แก่ กุ้งขาว และปลา ได้หยุดการส่งออกไปกว่า 3 เดือน เนื่องจากเมื่อผ่านพิธีการส่งออกที่ด่านศุลกากรสะเดาแล้ว ปรากฏว่ามีปริมาณการจราจรคับคั่ง ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งของได้ทันเวลาที่ประกันไว้กับลูกค้า และมีต้นทุนสูงขึ้น จึงต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้วยการพิจารณาเปิดด่านฯ ต่างๆ เพื่อการขนส่งสินค้า สร้างความมั่นใจด้วยการมีมาตรการหลักที่เตรียมการไว้แล้ว อย่างเคร่งครัด สำหรับมาตรการและวิธีปฏิบัติในการควบคุมโรคของด่านศุลกากรบ้านประกอบเพื่อการขนส่งสินค้า มีการจัดให้มีจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าด่านพรมแดน […]
สงขลา ถอดล้อรถเนื่องจากตำรวจล๊อกล้อเหตุจอดรถผิดที่ ตำรวจย้ำ ต้องไปชำระค่าปรับตามใบสั่งหน้ารถ เหตุเกิดที่เมืองสงขลาตำรวจจราจรล๊อกล้อรถ และมีการถอดล้อออกมาบ้าง ทำลายบ้าง ทั้งๆ ที่ตนเองจอดรถผิด ดังนั้น เพื่อให้ทราบ จอดรถผิดแล้วไม่ว่า แถมยังทำลายอีกรถจอดผิดกฎหมายที่ถูกเจ้าพนักงานใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้าย ต้องไปชำระค่าปรับตามใบสั่งหน้ารถ จึงสามารถนำรถออกไปได้ หากไปกระทำใดๆต่อเครื่องมือบังคับของทางราชการจะมีความผิดทางอาญา ตาม พรบ.จราจรทางบก มาตรา ๕๙ เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้ขับขี่เคลื่อนย้ายรถที่หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัติ โดยทางเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเคลื่อนย้ายรถที่หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถดังกล่าวได้ การเคลื่อนย้ายรถหรือใช้เครื่องมือบังคับให้รถที่หยุดหรือจอดอยู่ไม่ให้เคลื่อนย้ายได้ตามวรรคสอง เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดสำหรับ ความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามมาตรานี้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำ อย่าทำลาย อย่าถอด ระวังจะไม่รอดทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายต้องไปชำระค่าปรับตามใบสั่งหน้ารถเท่านั้น HATYAITODAYNEWS อ้างอิง : ตำรวจภูธรเมืองสงขลา
สถานกาณ์โควิด-19 วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้รายงานว่าการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย เป็นชาวไทย ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าพักสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ ทางโฆษก ศบค. ยังได้อัปเดตสถานการณ์ผู้สัมผัสติดเชื้อซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงจากจังหวัดระยองและกรุงเทพมหานคร โดยทั้งหมดไม่มีการตรวจพบเชื้อ HATYAITODAYNEWS อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม : ศูนย์โควิด-19 ทั้งนี้ท่านสามารถติดตามรายงานสถานการณ์โควิด-19 ได้ในแบบเรียลไทม์
จังหวัดสงขลา เดินหน้าพัฒนา “สงขลา สู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” ในรูปแบบเมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน เมื่อวันนี้ 13 พ.ค. 62 ที่ผ่านมาที่เคยมีการประชุม คณะทำงานการสร้างการรับรู้และเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนสงขลาสู่ “เมืองอัจฉริยะ” (Smart City) โดยมีนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการประชุม ต่อมาในวันที่ 20 ก.ค. 63 นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้ประเทศไทยเดินหน้าพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” อย่างเต็มตัว ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นหน่วยงานที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ในระยะแรกได้พัฒนาแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น […]
โฆษก ศบค.เปิดเผยการพิจารณาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะต่อหรือยกเลิกต้องพิจารณาหลายปัจจัย เมื่อวันที่ 19/07/63 ที่ผ่านมา นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการพิจารณามาตรการผ่อนปรนเฟส 6 ให้กับแรงงาน การแสดงสินค้า กองถ่ายภาพยนต์ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ระบุเฉพาะ ว่าคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีพลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน และคณะของกระทรวงสาธารณสุขได้มีการพูดคุยรอบด้าน จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้ พร้อมย้ำถึงการพิจารณาในการต่อ หรือยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย คาดว่า ศบค.ชุดเล็ก จะพูดคุยกันในวันที่ 20 หรือ 21 กรกฎาคมนี้ ก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ส่วนที่มีประชาชนร้องเรียนผ่านเพจศูนย์ข้อมูลโควิด -19 กรณีโรงแรมทั้ง 22 แห่ง ที่เป็นสถานที่พักทางเลือกเพื่อการกักกันแห่งรัฐ ( Alternative State Quarantine ) เต็มแล้ว หากมีคนเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศให้ไปอยู่ที่ใดนั้น ศบค.ชุดเล็กได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้มีคนเดินทางกลับจากต่างประเทศจำนวนมาก จึงทำให้ความต้องการที่พักสูง เบื้องต้นจะแก้ไขโดยใช้พื้นที่ของโรงแรมที่รัฐจัด (State Quarantine) ยังมีเหลืออยู่ เป็นโรงแรมระดับสามดาว และมีความพร้อมระบบสาธารณสุข แต่ทั้งนี้ต้องหาเพิ่มเติมอีก ซึ่งโรงแรมระดับสูงและโรงพยาบาลภาคเอกชนต้องร่วมมือกัน รวมทั้งโรงแรมที่มีความพร้อมสามารถติดต่อมาที่ ศบค. หรือทางเว็บไซต์ hsscovid.com เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ พร้อมระบุ วิกฤตของโลก ยังเป้นเรื่องของโควิด -19 ซึ่งไทยยังเป็นประเทศที่คนต่างชาติต้องการเข้ามา เป็นเพราะส่วนหนึ่งเป็นประเทศที่ปลอดภัย จึงย้ำทุกคนที่เข้ามาจะต้องอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ซึ่งเป็นมาตรการเข้มและต้องทำต่อเนื่องไป โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวว่ามีการนำเข้าคนติดเชื้อโควิด- 19 มาจากต่างประเทศ เพื่อมาสกัดกั้นการเคลื่อนไหวการเมือง ว่าไม่ได้มีเจตนานำเชื้อจากต่างประเทศเข้าไทย แต่สิ่งที่นำเข้ามา คือคนไทย และคนต่างชาติที่ต้องมาปฏิบัติภารกิจในไทย เพื่อให้กิจการและกิจกรรมทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ […]