สงขลา-สะเดา คุมเข้มแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย หลังพบมีการลับลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนหนีภาษี วันที่ 4 พ.ย. 64 พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี และคณะ ตรวจเยี่ยมแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ไทย-มาเลเชีย โดยมี พ.อ.ฐนิตพนธ์ หงษ์วิไล ผบ.ฉก.ร.5 และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ โดยผู้บังคับการกองกำลังเทพสตรี ได้ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดน ได้แก่ ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ บริเวณหลักเขตแดนที่ 21/24 และหลักเขตแดนที่ 23/41, จุดตรวจร่วมบ้านไทย – จังโหลน ซึ่งเป็นการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน โดยเน้นย้ำ ให้กำลังพลตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ในการสกัดกั้นแนวชายแดน ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้ามนุษย์, การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, ปัญหายาเสพติด, อาวุธสงคราม,การลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมาย และสินค้าสินค้าเลี่ยงภาษี พร้อมทั้งมอบของตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดน อีกทั้งยังได้ดำเนินการจัดประชุมเพื่อหารือร่วมกับ ส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อหารือแนวทางในการบูรณาการร่วมกันแก้ไขและสกัดกั้นปัญหาการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน สำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเชีย ด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา พบว่ายังมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนหลบหนีภาษี โดยแฝงมากับรถสินค้าเนื่องจากในปัจจุบันราคาน้ำมันในประเทศมีราคาสูง และมีการอาศัยช่องทางธรรมชาติเป็นเส้นทางของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 9 คน บริเวณ หลักเขตแดนที่ 21/17 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง สภ.สะเดา เพื่อดำเนินการกักตัว ณ สถานกักกัน 0Q และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อ้างอิง : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
น้ำมัน
พรุ่งนี้ปรับลด ดีเซล-เบนซิน 20 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ราคาคงเดิม วันที่ 19 ต.ค. 64 PTT Station แจ้งว่าในวันที่ 20 ต.ค. 2564 จะมีการปรับลดน้ำมันกลุ่มดีเซล และเบนซิน โดยน้ำมันในกลุ่มดีเซลปรับลด 20 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น ดีเซลพรีเมียม B7 ราคาคงเดิม และน้ำมันในกลุ่มเบนซินปรับลด 20 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 ราคาคงเดิม มีผลวันที่ 20 ต.ค. 2564 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป อ้างอิง : PTT Station
ครม. สรุปแนวทางบริหารจัดการปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2563 มีมติรับทราบสรุปมติการประชุม ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เสนอ โดยในส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตไฟฟ้านั้นให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งรัดการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือ จำนวน 37,550 ตัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ ให้พิจารณาจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ส่วนที่สำรองอีก 100,000 ตัน เพื่อดูดซับสต็อกส่วนเกิน และให้สำนักงบประมาณพิจารณางบสำหรับการชดเชยส่วนต่างของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.ได้รับทราบมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 เพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้น้ำมันปาล์มในปัจจุบัน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ประชุม กนป.คาดการณ์ปี 2563 จะมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลลดลงร้อยละ 8.2 โดยช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 คาดว่าจะปริมาณการใช้จะลดลงจาก 67 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 61-62 ล้านลิตรต่อวัน ปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม 5 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และนครศรีธรรมราช ให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เร่งรัดการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือ จำนวน 37,550 ตันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ กฝผ.พิจารณาจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่สำรองเพิ่มอีก 100,000 ตัน เพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ขณะเดียวกันให้กระทรวงพลังงาน เร่งดำเนินการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ […]