จังหวัดสงขลา เพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการคัดกรอง แยกกักและกักกัน
เมื่อวันนี้ (11 เม.ย. 63) ที่ห้องประชุมอาคารด่านพรมแดนสะเดาขาออก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นางสุรียพรรณ์ ณ สงขลา นายสมหวัง เรืองเพ็ง และนายนฤทธิ์ มงคลศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่ ซึ่งพบว่าจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเป็นกลุ่มที่เดินทางกลับจากการเข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซียและต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค จังหวัดสงขลา จึงได้ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการคัดกรอง แยกกักและกักกัน จากการเดินทางของบุคคลกลุ่มเสี่ยง โดยใช้มาตรการคุมเข้มตามกระบวนการสาธารณสุข การสกัดบุคคลที่ต้องสงสัยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค มาตรการ Social Distancing การสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงต้องแยกผู้ป่วยออกมาให้ได้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19
นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยว่า กรณีคนไทยทั้ง 76 คนที่เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย แม้จะมีใบรับรองแพทย์จากประเทศต้นทางแล้ว แต่เมื่อลงจากเครื่องบินมา ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและการท่าอากาศยานก็ดำเนินการตรวจซ้ำอีกรอบ จนพบว่ามีผู้ติดเชื้อจากกลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้มีมาตรการดูแลผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นอย่างดีและมั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จังหวัดสงขลาได้ให้ความสำคัญถึงมาตรการการกักกันตัวของผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยจะต้องดำเนินการตามกระบวนการการกักกันตัว เพื่อสังเกตอาการในสถานที่ที่กักกันตัวอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะไม่ให้ผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่กลับไปกักกันตัวที่บ้านเด็ดขาด และหากมีจำนวนผู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดจะดำเนินการส่งตัวกลับไปกักกันตัวตามภูมิลำเนาเดิม โดยจะแจ้งบัญชีรายชื่อไปยังจังหวัดนั้นๆ เพื่อเตรียมพร้อมสถานที่รองรับ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสงขลาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
อ้างอิงข้อมูลจาก : สนง ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา กรมประชาสัมพันธ์