ผู้ว่าฯ สงขลา ออกมาตรการคุมเข้มพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ป้องกันการลุกลามเข้ามายังประเทศไทย
วันที่ 4 พ.ค. 64 สถานการณ์โควิด-19 ที่ จ.สงขลา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีความกังวลกันว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ระบาดอยู่ในประเทศมาเลเซีย และอาจลามมายังประเทศไทย ทั้งจากคนไทยที่เดินทางกลับจากมาเลเซีย ทั้งที่เข้ามาถูกต้อง และหลบหนีเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้ทราบข้อมูลมา 2-3 อาทิตย์แล้ว และได้มีการประชุมร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในพื้นที่แนวชายแดนไทยมาเลเซียไปแล้ว โดยที่ผ่านมา 99 เปอร์เซ็นของชายแดนไทยมาเลเซีย เป็นการเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องทางด่านพรมแดนสะเดา อาทิตย์ละ 3 วัน คือ จันทร์ พุธ และศุกร์ วันละ 50-60 คน มีน้อยมากที่ลักลอบเข้ามาเฉพาะเดือนเมษายน 2564 จับได้ 5-6 คน เท่านั้น
สำหรับแนวทางการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้จากมาเลเซียได้กำหนดแนวทางป้องกันไว้ 4 แนวทาง คือ ให้ ตชด. และทหารเข้มงวดในการตรวจแนวรั้วชายแดนของจังหวัดสงขลา ทั้งอำเภอสะเดา นาทวี และสะบ้าย้อย มากยิ่งขึ้น ให้ตำรวจและฝ่ายปกครองตั้งจุดตรวจจุดสกัดอีกชั้น ในกรณีที่อาจหลุดรอดมาทางแนวชายแดน ให้ฝ่ายปกครองกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในหมู่บ้านที่อยู่ติดแนวชายแดนไทยมาเลเซียเฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้าที่แฝงตัวเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ และให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปกักตัว รวมทั้งกรณีที่อาจจะมีการลักลอบเข้ามาทางระบบขนส่ง ซึ่งขณะยังมีการขนส่งข้ามแดนระหว่างไทยมาเลเซียได้ให้ตรวจเพาะเชื้อคนขับทั้งคนไทย และมาเลเซีย ซึ่งจะต้องมีใบรับรองตรวจเชื้อโควิดทุกคน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลฮารีรายอที่กำลังจะมาถึง ได้หารือกับทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแล้ว เพื่อให้งดกิจกรรมการเลี้ยงสังสรรค์การรวมกลุ่ม ส่วนจะมีมาตรการใดเพิ่มอีกในช่วงวันฮารีรายอต้องรอฟังคำสั่งประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรีอีกครั้ง
อ้างอิง : สวท.สงขลา