แรงงานไทยลักลอบเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติเพิ่ม 8 ราย หลังมาเลเซียล็อคดาวน์ประเทศเข้มงวดป้องกันโควิด-19

แรงงานไทยลักลอบเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติเพิ่ม 8 ราย หลังมาเลเซียล็อคดาวน์ประเทศเข้มงวดป้องกันโควิด-19

เมื่อวานนี้ 16/1/64 หลังจากการประกาศล๊อคดาวน์หลายพื้นที่ในประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้แรงงานไทยที่เข้าไปทำงานรับจ้างที่ร้านอาหารในรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียืจำนวน 8 คนที่มีภูมิลำเนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัดสินกลับประเทศไทย โดยว่าจ้างผู้นำพาด้วยค่าจ้างคนละ 700 ริงกิต หรือประมาณ 5,000 บาท เพื่อลักลอบนำกลับเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก บริเวณบ้านลูโบ๊ะฆง หมู่3 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

แรงานไทยลักลอบเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติเพิ่ม 8 ราย หลังมาเลเซียล็อคดาว์นประเทศเข้มงวดป้องกันโควิด-19

ซึ่งทหารชุดป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าว ได้จับกุมได้ขณะกำลังขึ้นฝั่ง และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งคณะทำงาน EOC อำเภอสุไหงโก-ลก และส่งตัวเข้าพักที่ศูนย์พักคอย เพื่อการส่งตัวเข้ากระบวนการคัดกรอง อาคารสนามกีฬามหาราช เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

แรงงานไทยชุดดังกล่าว ยอมรับว่าตั้งใจลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากตอนเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียก็เข้าไปอย่างผิดกฎหมาย จึงไม่มีเอกสารที่จะลงทะเบียนกลับประเทศไทยกับสถานทูต ทั้งนี้มีความตั้งใจที่จะเข้ารายงานตัวอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าพวกตนมาจากประเทศมาเลเซียที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงไม่อยากให้คนในครอบครัวและส่วนรวมต้องเสี่ยงติดเชื้อไปด้วย พร้อมกันนี้ได้เล่าถึงสถานการณ์ในประเทศมาเลเซียว่า คนที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายใช้ชีวิตลำบากมาก ทั้งเสี่ยงโดนจบ และเมื่อรัฐบาลมาเลเซียประกาศล๊อคดาวน์ก็จะทำงานยากขึ้น และต้องปฏิบัติตามมาตรการล็อคดาวน์อย่างเคร่งครัด ประกอบกับในประเทศมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน จึงชักชวนกันกลับมาอยู่ที่บ้านในประเทศไทย ก่อนที่การเดินทางจะยากลำบากมากขึ้นกว่านี้

ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยในประเทศมาเลเซียที่อยากกลับเข้าประเทศไทยกลับมาอย่างถูกกฎหมาย เพราะจะได้ไม่ต้องจ่ายค่านายหน้าให้ผู้นำพาที่ต่อคนมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งสามารถปรึกษาได้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศและเป็นการร่วมมือป้องกันการแพร่ระบาดอย่างดีที่สุด

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิง : อำเภอสุไหง-โกลก

Next Post

ยืนยันไม่รื้อประติมากรรมยายสา ออกจากพื้นที่แหลมอ่าวนา จ.กระบี่ พร้อมประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ พิจารณาให้อยู่ต่ออีก 1 ปี

Sat Jan 16 , 2021
ยืนยันไม่รื้อประติมากรรมยายสา ออกจากพื้นที่แหลมอ่าวนาง จ.กระบี่ พร้อมประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ พิจารณาให้อยู่ต่ออีก 1 ปี เทศบาลเมืองกระบี่ โดยนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ได้จัดแถลงข่าวกรณีที่เกิดขึ้น ณ ห้องประชุมชั้น 4 ซึ่งนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน เปิดเผยว่า ทางเทศบาลเมืองกระบี่ยังไม่ต้องการที่จะรื้อประติมากรรมยายสาออกจาพื้นที่แหลมอ่าวนาง แต่อย่างใด ขณะเดียวกันตัวศิลปินที่สร้างผลงานก็ระบุว่ายายสาจะต้องอยู่ที่แหลมอ่าวนางเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุด หากจะมีการรื้อออกก็จะต้องทำลายชิ้นงานอย่างเดียว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้มีการหารือกับนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผวจ.กระบี่ เพื่อให้ประสาน ไปยังรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อที่ขอให้ชะลอการรื้อถอน เนื่องจากประติมากรรมยายสานั้น ยังมีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของอ่าวนาง ขณะที่ชิ้นงานก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงขอให้จัดวางไว้ที่เดิมอีก1 ปี หากมีขอสั่งการจากกระทรวงฯ ทางเทศบาลฯ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนก็พร้อมช่วยกันย้ายประติมากรรมนี้ออกไป นายประยูร พงศ์พันธ์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเทศบาลเมืองกระบี่ ได้ทำการรื้อถอนประติมากรรม “ยายสา” ที่เป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Krabi 2018 ที่กำลังเป็นกระแส ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไปเที่ยวอยู่ในขณะนี้ […]
ยืนยันไม่รื้อประติมากรรมยายสา ออกจากพื้นที่แหลมอ่าวนา จ.กระบี่ พร้อมประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ พิจารณาให้อยู่ต่ออีก 1 ปี