จังหวัดสงขลา คุมเข้มพื้นที่ชายแดน 3 อำเภอ หลังพบคนไทยและคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น
นายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ในขณะนี้ ยังพบความต้องการแรงงาน และขบวนการลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ และขนย้ายส่งต่อเข้าพื้นที่ชั้นในไปยังสถานประกอบการในหลายจังหวัด
ซึ่งทางด้าน พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำสั่งการขอให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกระทรวงแรงงานประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้กลไก ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด ร่วมกันคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่พื้นที่ชายแดนต่อเนื่องเข้ามาพื้นที่ชั้นในและเขตเมืองอย่างเป็นระบบ
โดยกำชับเน้นงานข่าวย้อนกลับจากผลสอบสวนและต้องปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นให้ได้ ตามสืบจับขยายผลทำลายเส้นทางและโครงสร้างขบวนการลักลอบนำพาแรงงานตั้งแต่ต้นทางชายแดน ถึงปลายทางสถานประกอบการ พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ หากมีการปล่อยปละละเลย หรือบกพร่องต่อหน้าที่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องสมประโยชน์ทุกระดับไม่มียกเว้น
ทั้งนีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ในประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้มีทั้งคนไทย และคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากจังหวัดสงขลา มีพื้นที่แนวชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ทั้งหมด 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสะเดา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย รวมระยะทาง 150 กิโลเมตร
จึงเพิ่มความถี่ในการออกลาดตระเวน เฝ้าตรวจทั้งกลางวันและกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าพื้นที่โดยผิดกฎหมาย และป้องกันไม่ให้นำเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ รวมทั้งการตั้งจุดตรวจจุดสกัดพื้นที่แนวชายแดน พื้นที่ชั้นกลาง และพื้นที่ชั้นในของกำลัง 3 ฝ่าย และการขอความร่วมมือผู้ที่อยู่ติดแนวชายแดนไทยเฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้าที่แฝงตัวเข้ามา หากพบเห็นผู้กระทำความผิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักกัน และดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
อ้างอิง : สวท.สงขลา , กองทัพภาคที่ 4