จากที่เห็นได้ชัดว่าจำนวนของยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่สงขลาที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนในพื้นที่ต่างพากันหวาดกลัว ด้วยสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบกับปัจจัยหลายอย่างของคนในพื้นที่สงขลา ถึงแม้ไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสั่งปิด 3 ด่านไทย-มาเลย์ แล้ว แต่จำนวนยอดคนติดเชื้อก็ยังเพิ่มสูงขึ้น
ฉะนั้นจึงทำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ได้ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องปิดช่องทางเข้า-ออก ในราชอาณาจักรของจังหวัดสงขลา โดยให้มีการปิดช่องทาง เข้า-ออก เฉพาะระหว่างประเทศ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว เพิ่มจากเดิมอีก 2 ช่องทาง ได้แก่
1.ทางอากาศ ปิดช่องทางเข้า-ออก ของสายการบิน เฉพาะระหว่างประเทศของท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
2.เส้นทางทางน้ำ ปิดช่องทางเข้า-ออก ของเรือรับ-ส่ง เฉพาะผู้โดยสารและเรือนำเที่ยวระหว่างประเทศ ณ ท่าเรือน้ำลึกจังหวัดสงขลา ยกเว้นเรือขนส่งเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในแหล่งผลิต ปิโตรเลียมในอ่าวไทย
และช่องทางทางบก ยังคงสั่งปิดจุดผ่านแดนบ้านประกอบอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ตรงข้ามด่านบ้านดุเรียนบุรง อำเภอปาดังเตอรับ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และจุดผ่านแดนสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตรงข้ามด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ให้ผ่านแดนได้เฉพาะการขนส่งสินค้า ส่วนจุดผ่านแดนถาวรด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตรงข้ามด่านปาดังเบซาร์ รัฐเปิอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ยกเว้นการขนส่งทางรางที่จะต้องขนส่งสินค้า ซึ่งต้องผ่านการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ทางจังหวัดสงขลา ได้ประสานไปยังเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อขอให้ทางรัฐมาเลเซีย เปิดด่านที่ตรงกันข้ามกับด่านปาดังเบซาร์ของไทย เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าได้ เนื่องจากเป็นจุดที่ทำรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 1 หมื่น 7 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากสถานการณ์การแพระระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถควบคุมได้ น่าจะมีสัญญาณที่ดีจากรัฐบาลมาเลเซีย และทุกอย่างอาจจะดีขึ้นตามลำดับ
อ้างอิงจาก : thainews.prd.go.th