ผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ท่าเรือคลังน้ำมันปตท.สงขลา หวังกระตุ้นให้เกิดความเติบโตทางการค้า
วันที่ 25 พ.ย. 64 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมติดตามการดำเนินงานท่าเรือน้ำลึกสงขลา ในพื้นที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามการทำงาน พร้อมรับทราบถึงปัญหา และอุปสรรคของการดำเนินงาน จากนั้น ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของ คลังปิโตรเลียมสงขลา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อีกด้วย
สำหรับท่าเรือน้ำลึกสงขลา ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อเอื้ออำนวยในการส่งออกและนำเข้าสินค้าหลักของภาคใต้ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2529 และรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้เอกชนเข้ามาบริหารเพื่อให้กิจการของท่าเรือ สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทเจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด ได้ชนะการประมูล จึงได้เข้ามาบริหารท่าเรือสงขลา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา ท่าเรือสงขลามีพื้นที่ท่าเรือทั้งหมดประมาณ 73 ไร่ ซึ่งกำลังความสามารถของท่าเรือ มีสินค้าผ่านท่า 2.2 ล้านตัน/ปี คอนเทนเนอร์ 210,000 TEU/ปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเติบโตทางการค้าและอุตสาหกรรม โดยสินค้าหลัก อาทิ ยางพารา อาหารทะเลแช่แข็ง เป็นต้น
ทั้งนี้นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องมาตรการการคัดกรองโรคโควิด-19 ในการขนส่งและนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ให้เข้มงวดในการคัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อ้างอิง : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
Thu Nov 25 , 2021
จังหวัดสงขลา กำชับทุกอำเภอเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ช่วงวันที่ 26-30 พ.ย.นี้ วันที่ 25 พ.ย. 64 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ร่วมกับคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ พบว่ายังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ จึงขอเน้นย้ำให้เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2564 ดังนี้ 1.เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุงสงขลา ระนอง ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส 2.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในภาคกลาง จังหวัดเพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง ภูเก็ต ตรัง และนราธิวาส 3.เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณคลองบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คลองชุมพร คลองหลังสวน คลองสวี จังหวัดชุมพร คลองอิปัน แม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี คลองท่าดี จังหวัดนครศรีธรรมราช ทะเลสาบสงขลา คลองอู่ตะเภา จังหวัดสงขลา แม่น้ำปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะ พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณปากอ่าว เนื่องจากจะมีระดับน้ำทะเลหนุนยกตัวสูงกว่าปกติในช่วงเวลาดังกล่าว ประมาณ 0.5-1 เมตร จึงขอให้อำเภอและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และเตรียมความพร้อมรับมือ โดยการติดตามสภาพอากาศ และสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งให้ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ80 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาบริหารจัดการเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำ และเร่งระบายน้ำในลำน้ำแม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น – ลง ของระดับน้ำทะเล รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ และรองรับน้ำหลาก พร้อมให้ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ การเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ ระบบสื่อสาร พร้อมการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเตรียมพร้อมในการอพยพได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ อ้างอิง : การกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
