ทิม พิธาเสนอ 5 หลักการใช้แก้วิกฤติCovid-19
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า “พิธา” เสนอ ใช้ C-O-V-I-D แก้วิกฤติ COVID-19 ] ว่าโดย การบริหารจัดการวิกฤติเป็นเรื่องของการรู้อดีต ทำปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ผมคิดว่าการบริหารจัดการวิกฤติ COVID-19 เราต้องใช้หลักการ 5 ข้อที่ผมย่อออกมาเรียกว่า C-O-V-I-D มาแก้ไขปัญหา
O ne voice สื่อสารเสียงเดียว
V accine พัฒนาวัคซีน
I solation การแยกตัว
D ata การบูรณาการข้อมูล
C heckpoint จุดตรวจคัดกรองทั่วประเทศ รัฐบาลควรทำตอนนี้คือการตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างกว้างขวาง โดยทำให้ผู้คนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายที่สุด ค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ตามแนวทาง WHO ต้องเน้นการ drive through หรือการกระจายจุดตรวจย่อยทั้งในและนอกกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องมารวมตัวและรอกันที่โรงพยาบาลหลายชั่วโมงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะการรอคิวในโรงพยาบาลถือเป็นจุดเสี่ยงอีกจุดหนึ่งที่จะแพร่กระจายเชื้อกันได้ การมีจุดตรวจย่อยมากเพียงพอก็จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ลงไปได้
O ne voice สื่อสารเสียงเดียว รัฐบาลจะต้องรวมศูนย์การสื่อสารอย่างเป็นทางการไว้ที่แหล่งเดียวหรือคนเดียว เพื่อป้องกันการให้ข้อมูลที่สับสนและคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดความตื่นตระหนกในสังคมได้
V accine พัฒนาวัคซีน ประเทศเรามีบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีศักยภาพสูง แต่ปีหนึ่งๆ เราลงทุนกับการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์เพียงแค่ 8,000 ล้านบาท คิดเป็น 0.06% ของ GDP มากกว่าเกณฑ์ของ WHO เพียงเล็กน้อย ถ้าเราเพิ่มงบอีกเท่าหนึ่ง 8,000 ล้านบาท เราก็สามารถสร้างอุตสาหกรรมสุขภาพ มีงานเพิ่มขึ้น มีงบวิจัยเพิ่มขึ้น มีห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งผลที่ประเทศไทยจะได้รับไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจที่เราจะมีลูกค้าหลายล้านคนจากทั่วโลก แต่เรายังเป็นความหวังของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่พวกเขาต่างรอคอยให้คนที่เขารักหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย
I solation การแยกตัว หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นมาตรการหลักที่รัฐบาลทั่วโลกใช้เพื่อชะลออัตราการแพร่ระบาดไม่ให้รวดเร็วจนเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุขหรือเรียกว่า “การทำให้กราฟชันน้อยลง” (Flatten the curve) ในประเทศไทยยังมีปัญหาว่าการกักตัวยังสะท้อนความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เมื่อแรงงานไทยที่มาจากต่างประเทศถูกกักตัวใน ขณะที่ชาวต่างชาติที่มาในเครื่องบินเดียวกันไม่ถูกกักตัว หรือพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่หาเช้ากินค่ำ ค้าขาย หรือเป็นลูกจ้างรายวัน คงไม่มีโอกาสที่จะทำตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมได้ หากไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย เช่น หากต้องหยุดงานเพื่อดูอาการถึง 14 วัน แล้วจะยังได้รับค่าตอบแทนจากนายจ้างหรือไม่ อย่างไร
D ata การบูรณาการข้อมูล การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการวิกฤติ ภายในวันเดียวรัฐบาลไต้หวันสามารถรวมข้อมูลจากสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (National Health Insurance Administration) และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง (Immigration Agency) เพื่อค้นหาบุคคลและประวัติการเดินทาง 14 วันที่ผ่านมาของผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งให้รัฐสามารถระบุตัวตนของผู้ป่วยและสามารถให้คนที่มีความเสี่ยงสูงกักตัวเองอยู่ในบ้าน และติดตามความเคลื่อนไหวผ่านโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังทำเว็บไซต์แผนที่แสดงจุดจำหน่วยหน้ากากอนามัยแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ง่ายขึ้น