สงขลา เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อน หลังพบหมูเถื่อนในภาคใต้ส่งผลให้หมูไทยขาดทุนยับ
วันที่ 9 ก.พ. 66 ความเดือดร้อนล่าสุดของผู้เลี้ยง เช่น นายภักดี ชูขาว เจ้าของภักดีฟาร์ม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสุกรบ้านเกาะปราง จังหวัดตรัง ออกมาร้องรัฐในเวลาใกล้เคียงกันว่า หมูเถื่อน ทะลักเต็มพื้นที่ทำให้ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มผันผวนมาก จากเดิมที่เคยสูงเกินกว่า 92 บาทต่อกิโลกรัม และปรับลดไหลลงไปเหลือ 84 บาทต่อกิโลกรัม และเพิ่งจะมาปรับเพิ่มขึ้นเป็น 92 บาท ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม หากภาครัฐยังปล่อยให้หมูเถื่อนวิ่งวนอยู่ทั่วประเทศเกษตรกรรายย่อยมีหนทางเดียวคือเลิกกิจการ ลดการขาดทุน รอปราบหมูเถื่อนหมดแล้วค่อยกลับมาเลี้ยงใหม่
นายภักดีฯ ผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก จำนวน 400 แม่พันธุ์ และกรรมการสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก รายย่อยนับพันรายทั่วภาคใต้กำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักมาก เนื่องจากไม่สามารถขายสุกรที่เลี้ยงได้ ทำให้เหลือค้างสต๊อกจำนวนมาก เนื่องมาจาก 4 สาเหตุหลัก คือ 1.มีการลักลอบนำเข้าสุกรจากต่างประเทศหรือ “หมูเถื่อน” ในรูปหมูกล่องเข้ามาขายราคาถูก 2.ราคาสุกหน้าฟาร์มในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา สปป.ลาว และจีนราคาประมาณ 70 บาท/กก. ทำให้มีการลักลอบเข้ามาทางชายแดน 3.ผู้บริโภคในภาคใต้ไม่มีกำลังซื้อ เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ 4.ไทยยังไม่สามารถส่งออกสุกรได้ ส่งผลให้ผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก รายย่อยขาดทุนตัวละ 500-1,000 บาท และมีแนวโน้มจะขาดทุนเพิ่มขึ้นถึงตัวละ 1,500 บาท/ตัว เพราะต้องแบกภาระต้นทุนการเลี้ยงทั้งค่าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าบริหารจัดการ
ในความเป็นจริงภาคใต้เป็นภาคมีการบริโภคหมูค่อนข้างสมดุลกับการผลิต ต่างจากภาคอื่น เช่น ภาคเหนือ รับหมูจากภาคกลางขึ้นไปเติมเต็มการบริโภค ผู้เลี้ยงหมูในภาคใต้จึงไม่ค่อยมีปัญหาด้านราคาเหมือนภาคอื่น ที่สำคัญครั้งนี้มีปัญหาใหญ่หมูเถื่อนออกหากิน ความเสี่ยงขาดทุนเห็นอยู่ตรงหน้า แต่นักการเมืองเจ้าของพื้นที่ไม่เหลียวแลผู้เลี้ยงหมูเลย กลับประกาศว่าราคาหมู ไก่ ไข่ จะทยอยลงอีก หากสอบตกยกแผงในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงก็อย่าโทษใคร หรือจะนำข้อมูลของเกษตรกรไปช่วยแก้ไข ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปทำให้เกษตรกรอยู่ได้ผู้บริโภคอยู่ได้ก็ไม่ต้องอายใคร
หมูเถื่อน เข้ามาภาคใต้ตั้งแต่ปลายปี 2565 ภาครัฐโดยกรมปศุสัตว์ เป็นแกนนำร่วมกับตำรวจและทหาร สนธิกำลังจับกุมหนักมาก ทำให้หมูเถื่อนทีเคยเดินผ่านท่าเรือแหลมฉบังแบบ ล่องหน อยู่ยากขึ้น ต้องหันหัวเรือออกจากเมืองไทยไปขึ้นเวียดนามแทน แล้วค่อยๆเลาะมาทางลาว ข้ามแม่น้ำโขงมาขึ้นมุกดาหาร อุบลราชธานี จับได้ดำเนินคดีกันนักต่อนัก เที่ยวนี้มาขึ้นมาเลเซีย แล้วเข้าทางปาดังเบซาร์ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย หรือ ท่าเรือสงขลา ที่แปลกใจเป็นพื้นที่ของกรมศุลกากรอีกแล้ว แต่กลับมองไม่เห็น นี่ขนาดท่านนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐผนึกกำลังกันปราบปรามหมูเถื่อนอย่างรัดกุมและจริงจัง อย่างให้กระทบกับเกษตรกรและผู้บริโภค…ท่านสั่งแล้วไม่ทำต้องลงดาบ ให้ไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบรัฐบาล จะได้เข็ดหลาบ
อ้างอิง : กรมปศุสัตว์