แรงไม่ตก !! ราคายาง-ปาล์ม รัฐบาลเผยยังคงเดินหน้ากระตุ้นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

แรงไม่ตก !! ราคายาง-ปาล์ม รัฐบาลเผยยังคงเดินหน้ากระตุ้นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 2 พ.ย. 63 นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยสถานการณ์ราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน มีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3  ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา

ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 56.89 บาท (ณ 1 ตุลาคม 2563) เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 80 บาท (ณ 30 ตุลาคม 2563) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41 เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 และมาตรการปิดเมืองที่เริ่มคลี่คลาย รวมทั้งภาครัฐมีมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราเร่งด่วนหลายด้าน ซึ่งได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง มาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ การส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศ รวมถึงการซื้อขายยางพาราแบบออนไลน์

 แรงไม่ตก !! ราคายาง-ปาล์ม รัฐบาลเผยยังคงเดินหน้ากระตุ้นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ผู้ซื้อภายในประเทศ ต้องการเร่งการส่งมอบยาง ในช่วงที่ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยและราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ทั้งตลาดญี่ปุ่นและสิงคโปร์อยู่ในช่วงขาขึ้น มีแรงซื้ออยู่ในระดับสูง ความต้องการถุงมือยางปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากสถานการณ์ COVID-19 และภาคโรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิง : ตลาดกลางยางพาราสงขลา

Next Post

กระทรวงการคลัง แจ้งเตือนประชาชนรีบใช้จ่ายสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ภายใน 14 วัน

Tue Nov 3 , 2020
 กระทรวงการคลัง แจ้งเตือนประชาชนรีบใช้จ่ายสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ภายใน 14 วัน วันที่ 2 พ.ย. 63 นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโครงการคนละครึ่งได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายมา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ล่าสุด เวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ของวันนี้ 2 พฤศจิกายน 2563 มีจำนวนยอดใช้จ่ายสะสม 4,188.30 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 2,139.93 ล้านบาท และรัฐช่วยจ่ายอีก 2,048.37 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 225 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ทั้งนี้มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 4.7 แสนร้านค้า รองโฆษกกระทรวงการคลัง เผยว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนก่อนวันที่ 23 ตุลาคม 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้วขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเป๋าตัง รวมทั้งยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนการยืนยันตัวตนสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองและจะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เมื่อเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการเข้าไปในแอปพลิเคชันจะสามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชันถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ซึ่งสามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หากไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ์ จะถูกตัดสิทธิ์และไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีก HATYAITODAYNEWS อ้างอิง : กระทรวงการคลัง Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
กระทรวงการคลัง แจ้งเตือนประชาชนรีบใช้จ่ายสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ภายใน 14 วัน