ด่านปาดังเบซาร์คัดกรองเข้มงวดหนักหลังพบคนไทยกลับมาจากมาเลเซียติดเชื้อ
หลังจากการเปิดด่านพรมแดนในจังหวัดสงขลาให้แรงงานไทยเดินทางกลับ 681 ราย เป็นคนต่างภูมิภาคกักตัวในสถานที่กักตัวของรัฐในอำเภอสะเดา จำนวน 490 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยง มีไข้ และมาจากพื้นที่เสี่ยง ส่งตรวจสารคัดหลั่ง 48 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด
ซึ่งวันนี้ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเปิดให้คนไทยที่ตกค้างอยู่ในประเทศมาเลเซียเดินทางกลับเข้ามาเป็นวันที่สอง แทนการเข้ามาทางด่านพรมแดนสะเดา ที่ถูกปิดชั่วคราว7 วันจนถึงวันที่29 เมษายน หลังพบเจ้าหน้าที่ตม.สะเดาและผู้ใกล้ชิดติดเชื้อโควิด19แล้วจำนวน7คน มีการคุมเข้มเฉพาะระบบคัดกรองทำให้อย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน
คนไทยทยอยเดินทางกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องมียอดผู้ลงทะเบียนไว้106คนโดยเดินทางมารออยู่ที่ประตูด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ตั้งแต่เช้าก่อนเปิดด่าน และทันทีที่เจ้าหน้าที่ไขกุญแจด่านในเวลา 08.30 น.ก็เริ่มเดินทางเข้ามาทันที และยังคงมีระบบคัดกรองที่เข้มงวดทุกคนเพื่อความปลอดภัยสูงสุดทุกขั้นตอนงดการสัมผัสตัว หากอาการไม่เข้าข่ายเฝ้าระวังก็จะถูกส่งกักตัว14วันที่ศูนย์กักตัวที่เตรียมไว้ แต่หากมีอาการผิดปรกติก็จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปาดังเบซาร์และโรงพยาบาลสะเดาทันที
ด้านโรงพยาบาลสะเดาได้รายงานจำนวนผู้เข้ารับการกักตัวทั้งจากกรณีที่มีผลสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ ตม.สะเดาและผู้ใกล้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7 คน ขณะนี้ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 122 คน เป็นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา 83 คน และผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งผู้ใกล้ชิดและคนไทยที่กลับมาจากประเทศมาเลเซีย 39 คน โดยยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มผู้เดินทางแต่อย่างใด โดยขณะนี้โรงแรมทั้ง 2 แห่งซึ่งเป็นที่สถานที่กักตัวของรัฐของจังหวัดสงขลา ในอำเภอสะเดา 2 แห่งนั้น มีผู้เข้ากักตัวเต็มทั้งหมดแล้ว และได้เริ่มสถานที่กักตัวเป็นโรงแรมสยามธนา เพิ่มขึ้น และยังมีโรงแรมในอำเภอสะเดาอีกนับพันห้อง ที่สามารถรองรับกลุ่มผู้เดินทางกลับจากมาเลเซีย ที่มีภูมิลำเนาเป็นคนจากภาคต่างๆ ได้อย่างเพียงพอ
อ้างอิง: ผู้จัดการภาคใต้