คนไทยในมาเลเซียลักลอบเข้าไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก มอบหมายให้นายพิมล จงรักษ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง พร้อม อส.ชุดปฏิบัติการพิเศษป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสุไหงโก-ลก ได้เข้าตรวจสอบคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียบริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านบือเร็ง และชุมชนใต้สะพาน รวม16คน โดยเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาจังหวัดนราธิวาส จำนวน 6 คน และจังหวัดปัตตานี จำนวน 10 คน จึงควบคุมตัวไปเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และเข้าสู่กระบวนการคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ด้านนายอำเภอสุไหงโก-ลก เผยว่า ขณะนี้ยังพบการลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ไม่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งภายหลังทำการเปรียบเทียบปรับและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งกลับภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หากไม่สามารถส่งกลับในวันเดียวกันให้เข้าพักที่ศูนย์กักกัน Local Quarantine(LQ) ห้องประชุมมหาราช สนามกีฬามหาราช ก่อนส่งกลับในวันรุ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายอำเภอสุไหงโก-ลก เน้นย้ำว่าสิ่งที่เป็นความกังวลในขณะนี้คือ การลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายแล้วกลับไปยังบ้านพัก โดยไม่มีการคัดกรองและกักตัวซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก ที่บุคคลเหล่านี้จะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปติดคนในครอบครัว ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากคนไทยที่ลักลอบกลับเข้ามา ขอให้แสดงตัวและเข้ารับการกักกัน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัว เนื่องจากประเทศไทยประกาศให้ประเทศมาเลเซียเป็นเขตโรคติดต่ออันตราย ผู้ที่เดินทางกลับมาจากทุกรัฐของประเทศมาเลเซียจึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องมีการกักตัวและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่พบเชื้อก็ถือเป็นความโชคดี แต่หากพบเชื้อก็จะได้รักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับบุคคลในครอบครัว
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.63เป็นต้นมา การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก มีผู้เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย จำนวน 1,396 คน เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 2,345 คน ยอดรวมทั้งสิ้น 3,741คน โดยทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรองและส่งไปกักกันเป็นระยะเวลา14วันตามศูนย์กักกันที่แต่ละจังหวัดกำหนด โดยไม่มีผู้ตกค้าง หรือกลับเข้าไปอยู่ในชุมชน
อ้างอิง : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์