เตือน !! การเผากระดาษกงเต๊ก คาดก่อสารโลหะหนักปล่อยมลพิษทางอากาศ
วันที่ 4 ก.พ. 64 ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะทำพิธีบูชาเทพเจ้า และแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากไหว้เจ้าในวันไหว้แล้ว สิ่งที่หนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การจุดธูปและการเผากระดาษเงินกระดาษทองรวมถึงสิ่งประดิษฐ์รูปต่างๆ ที่ทำจากไม้หรือเศษไม้ไผ่ โดยวัฒนธรรมการเผากระดาษเงินกระดาษทอง มีสืบทอดมากกว่า 1,400 ปี และพบว่าปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลง มีการเผาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตามความเชื่อว่าเป็นการสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับ แต่สิ่งประดิษฐ์ในยุคปัจจุบันของกระดาษเงินกระดาษทอง อาจทำให้เกิดควันที่มีสารมลพิษต่างๆ อาจส่งผลต่อปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานที่ปกคลุมอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งการเผากระดาษเงินกระดาษทองยังมีสารก่อมะเร็ง PAH 3 เท่า เบนซีน 10 เท่า และ 1, 3 บิวทาไดอีน 5 เท่าของกระดาษที่ไม่ชุบสี อย่างไรก็ตามควรลดการจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทอง แนะนำให้ใช้ธูปขนาดสั้นเพื่อให้เกิดควันระยะสั้น ควรเผาทีละน้อยๆ และเผาในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเขม่าเถ้ากระดาษ ควรจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทองในที่โล่ง มีอากาศถ่ายเท โดยเปิดประตูหน้าต่างทุกครั้ง รวมถึงเปิดพัดลมเพื่อช่วยระบายอากาศหรือควันธูปเทียน เมื่อเสร็จพิธีการสักการบูชาควรดับไฟด้วยน้ำหรือทรายทันที เมื่อธูปเทียนดับแล้วควรทิ้งเวลาสักระยะหนึ่งก่อนเข้าไปใช้ห้องหรือบริเวณดังกล่าว ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นและควันหรือใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก ภายหลังการสัมผัสควันธูปและกระดาษเงินกระดาษทองควรล้างมือ ล้างหน้า ให้บ่อยขึ้น
ทั้งนี้อย่าปักธูปที่จุดแล้วบนอาหาร เพราะขี้เถ้าธูปซึ่งมีโลหะหนักซึ่งส่วนใหญ่เป็นแมงกานีส มีโลหะหนักอย่างอื่นบ้าง เช่น โครเมียม ตะกั่ว นิกเกิล จะตกลงบนอาหารที่จะนำมารับประทาน
และสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักและระมัดระวังให้มากคือ อุบัติเหตุที่เกิดจากไฟไหม้ เพราะขณะเผากระดาษเงิน กระดาษทอง หรือจุดธูปเทียนทิ้งไว้หากไม่เฝ้าระวังให้ดีอาจเกิดการลุกลามทำให้เกิดไฟไหม้ได้นะคะ
ตรุษจีนปีนี้ เผากงเต็กกันให้น้อยลง เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีร่วมกัน
อ้างอิง : สำนักประชาสัมพันธ์