ศบค.ไฟเขียวถอดแมสก์ได้ โดยเว้นระยะห่างตามความสมัครใจ เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. 65 เป็นต้นไป
วันที่ 19 มิ.ย. 65 การประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 9/2565 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และมาตรการป้องกันควบคุมโรค โดยมีการปรับพื้นที่เฝ้าระวัง หรือ เป็นพื้นที่สีเขียวทั้ง 77 จังหวัดทั่วราชอาณาจักร มีผลนับตั้งแต่ประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการป้องกันการควบคุมโรคภายในประเทศ โดยให้เริ่มดำเนินการได้ทันที หรือหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา
ส่วนมาตรการการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ศบค.เห็นว่า ควรสวมหน้ากากและให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิดหรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก
เงื่อนไขการสวมหน้ากากอนามัย
1.สถานที่นอกอาคาร
- ให้สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เมื่อไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือ มีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬาหรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม เป็นต้น
2.สถานที่ภายในอาคาร
- ให้สวมหน้ากาก
เงื่อนไขการถอดหน้ากากอนามัย
- เมื่ออยู่คนเดียว
- กรณีอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัย อยู่ที่พำนักเดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด และอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี
- กรณีมีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย รับบริการบริเวณใบหน้า และศิลปะการแสดงต่าง ๆ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที
เริ่มถอดหน้ากากได้วันไหน
- เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นี้
จังหวัดใดบ้าง
- ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด
อ้างอิง : คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)