สาธารณสุขเผยกลาง มิ.ย.นี้ สงขลาพื้นที่นำร่องถอดแมสก์ได้ คงให้ใส่ไว้ 3 กรณี
วันที่ 26 พ.ค. 65 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนอกสถานที่ ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2565 ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญ รวมทั้งการเตรียมการของพื้นที่เพื่อรับการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น โดยระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องและเร็วกว่าฉากทัศน์ที่คาดการณ์ มั่นใจว่าจะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นตามเวลาที่วางแผนไว้ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จึงต้องมีการบริหารด้านสังคมร่วมด้วย โดยนำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน ทั้งนี้ ประมาณกลางเดือนมิถุนายน จะนำร่องปรับคำแนะในบางพื้นที่ที่มีความพร้อม ให้สวมหน้ากากอนามัยใน 3 กรณี คือ
1.กลุ่มผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง 608
2.อยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
3.กิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมาก
พร้อมทั้งขอให้สื่อสารไปถึงประชาชนให้ทราบการปฏิบัติตนและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคโควิด-19 ต่อไป
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ วันที่ 9 มิถุนายนนี้ จะครบกำหนด 120 วัน ที่การปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดมีผลบังคับใช้ ประชาชนสามารถปลูกโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่จดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ อย. โดยจะมีกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้กัญชาเสรีในทางที่ผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการ
จึงต้องใช้กฎหมายด้านสาธารณสุขที่มีอยู่มาควบคุมกำกับก่อน เช่น พ.ร.บ.การสาธารณสุข ขณะเดียวกันก็ให้ทุกหน่วยงานช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ในครัวเรือน และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพในการต่อยอดทางเศรษฐกิจ โดยในวันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 จะมีการจัดมหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจในการปลูกและใช้ประโยชน์จากกัญชาด้วย
รายชื่อจังหวัดที่สามารถถอดแมสก์ได้ดังกลุ่มนำร่องในแต่ละพื้นที่ต่อไปนี้
-สีเขียว14 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยนาท พิจิตร อ่างทอง น่าน มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ลำปาง อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ตราด สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ และอุดรธานี
-นำร่องท่องเที่ยว สีฟ้า 17 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ กระบี่ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา
อ้างอิง : ปลัดกระทรวงสาธารณสุข