ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจ.ปัตตานี เสนอให้วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการ เพิ่มภาษามลายูเป็นภาษาราชการ ฯลฯ
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานคณะสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอเรียกร้องต่อพลเอกวัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้จากการรับฟังข้อเสนอจากผู้เห็นต่าง มีข้อเรียกร้องทั้งหมด 4 ด้าน คือ
1.ขอรัฐบาลไฟเขียว วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการ ให้สอดคล้องกับเพื่อนบ้าน
2.แนะทำป้ายหมู่บ้าน – ส่วนราชการ 3 ภาษา คือ ไทย มลายู ภาษาอังกฤษ
3.ขอให้เพิ่ม ภาษามลายู เป็นภาษาราชการ
4.เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมรองรับ พื้นที่พิเศษ-พ.ร.บ.กระจายอำนาจ, พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบพิเศษ
1.ด้านศาสนา
เรื่องการบริหารกิจการฮัจญ์ โดยขอให้ใช้บุคคลที่มีความรู้ ความเข้าใจ อย่างเช่น สมาพันธ์ฯ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบ ผ่านคณะสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการบริหารจัดการ และเสนอให้มีคณะทำงานร่างกฎหมายอิสลาม ในพื้นที่ 4 จชต. โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว และมรดก เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต
นอกจากนี้ เสนอให้ ถ่ายโอนภารกิจของ ตาดีกา ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอิสลาม ให้อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการอิสลามหรือผู้นำศาสนา
2.ด้านเศรษฐกิจและสังคม
เสนอให้มีการจัดระเบียบสังคม ให้สอดคล้องกับศาสนาและวัฒนธรรมของพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมระหว่างรัฐและผู้นำศาสนาในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม การบริหารศูนย์กลางอาหารฮาลาล จะต้องยกระดับให้เห็นผลอย่างจริงจัง โดยประสานความร่วมมือของผู้นำศาสนา ภาครัฐ และภาคเอกชน ภาคธุรกิจที่มีประสบการณ์มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
3. ด้านการสร้างสภาวะแวดล้อม พหุวัฒนธรรม ที่เหมาะต่อสังคมและอัตลักษณ์ของพื้นที่
เสนอให้รัฐบาล พิจารณา เรื่องการให้วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับเพื่อนบ้าน จัดให้มีป้ายหมู่บ้าน และส่วนราชการ 3 ภาษา คือ ไทย มลายู (ถิ่น,กลาง) และภาษาอังกฤษ เพื่อเปิดประตูสู่อาเซียน
อีกทั้งยกระดับภาษามลายูให้เป็นภาษาราชการอีกภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ เสนอให้มีการระบุอัตลักษณ์ เชื้อชาติ ที่มีการยอมรับเป็นทางการ เช่น เชื้อชาติไทย, เชื้อชาติจีน ,เชื้อชาติมลายู , สัญชาติไทย ศาสนาอิสลาม เป็นต้น
4. ด้านการปกครอง เนื่องจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่พิเศษ และมี พ.ร.บ.กระจายอำนาจ, พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบพิเศษอยู่มากมาย
จึงควรตั้ง”คณะกรรมการร่วม” ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อนำกฎหมายที่มีอยู่มาศึกษารูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ อันจะนำไปสู่การแสวงหาทางออกร่วมกัน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มีมติจากคณะรัฐบาล หากมีการดำเนินเรื่องเพิ่มเติมอย่างไรทางทีมข่าวหาดใหญ่ทูเดย์จะมารายงานให้ทราบอีกครั้งนึง
HATYAITODAYNEWS
อ้างอิงข้อมูล : คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี , ศูนย์ข่าว 3 จังหวัดชายแดนใต้