คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด

คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด

คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด

      เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นซึ่งมีผลมาจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐโดยความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพของประชาชนและ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการให้ความร่วมมืออย่างยิ่งของพี่น้องมุสลิมในทุกพื้นที่ในการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของจุฬาราชมนตรีและตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด

เพื่อผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดนั้น จึงพิจารณาเห็นควรผ่อนปรนให้มีการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ สำหรับมัสยิดที่มีความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดดังนี้

1. ให้คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด ที่มีความประสงค์จะปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์แจ้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ในการปฏิบัติตามประกาศจุฬาราชมนตรีและ มาตรการของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตลอดจนมาตรการหรือคำแนะนำของทางราชการเกี่ยวกับการป้องกันโรค

2. สำหรับมัสยิด

2.1 ให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามัสยิดทุกครั้ง

2.2 จัดวางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้บริเวณประตูทางเข้ามัสยิด

2.3 งดใช้บ่อน้ำ (กอเลาะห์) หรืออ่างใหญ่ร่วมกัน

2.4 ทำความสะอาดมัสยิดโดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสเป็นจำนวนมากอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ ๑-๒ ครั้งและไม่เปิดเครื่องปรับอากาศโดยให้เปิดหน้าต่างมัสยิดผ้าม่านเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

2.5 จัดทำเครื่องหมายจุดละหมาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างแต่ละจุด 1.5 เมตร

2.6 ควบคุมทางเข้า-ออกมัสยิดและ จัดระเบียบระยะห่างขณะเดินเข้าและเดินออกจากมัสยิดหลังเสร็จสิ้นการละหมาดญะมาอะห์

2.7 ให้มัสยิดจัดเตรียมแบบบันทึกให้ผู้มาร่วมละหมาดญะมาอะห์บันทึก ชื่อ-นามสกุลพร้อมหมายเลขโทรศัพท์เพื่อความสะดวกในการติดตามกรณีที่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น

2.8 ให้เปิดมัสยิดก่อนเวลาละหมาด 15 นาทีและปิดหลังจากละหมาดเสร็จ15นาที

2.9 ให้มุอัซซิน (บิหลั่น) อะซานด้วยสำนวนการอะซานตามปกติโดยไม่ต้องมีสำนวน สำหรับมัสยิดที่จัดให้มีการละหมาดญะมาอะห์

3. สำหรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์

3.1 อาบน้ำละหมาดจากที่บ้าน

3.2 ใช้ผ้าปูละหมาด (ผ้าซะญาดะห์) ส่วนตัวโดยนำมาจากบ้าน

3.3 สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจ

3.4 งดการสลามด้วยการสัมผัสมือการสวมกอดและการสัมผัสแก้มโดยให้ยกมือพร้อมกล่าวสลามเท่านั้น

3.5 หากมีอาการไข้ไอเจ็บคอมีน้ำมูกแม้จะมีอาการไม่มากให้งดการไปร่วมละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด

3.6 เว้นระยะห่างระหว่างแถวและในแถว 1.5-2 เมตรและให้ยืนตามจุดที่มัสยิดได้จัดทำเครื่องหมายไว้

3.7 ผู้มาร่วมละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิดต้องบันทึก ชื่อ-นามสกุล พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ลงในแบบบันทึกที่มัสยิดจัดเตรียมเตรียมไว้ทุกครั้ง

4. การละหมาดญะนาซะห์และการทำกิจกรรมบางอย่าง

4.1 การละหมาดญะนาซะห์ให้ใช้มาตรการเดียวกับการละหมาดญะมาอะห์

4.2 กรณีที่จำเป็นต้องรวมกันเป็นกลุ่มเช่นการทำพิธีนิกะห์ควร จำกัด จำนวนผู้เข้าร่วมไม่เกิน 50 คนพร้อมกับต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อดังติดเชื้อ ดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ขอให้พี่น้องมุสลิมได้ขอดุอากุหนูตนาซิละห์ในทุกเวลาละหมาดญะมาอะห์ จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดได้ดำเนินการ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและ ให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติหรือจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด คลายล็อค ผ่อนปรนให้พี่น้องมุสลิมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิงข้อมูล : สำนักจุฬาราชมนตรี

Next Post

เที่ยวชายหาดการ์ดอย่าตก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19

Sat Jun 6 , 2020
beach เที่ยวชายหาดการ์ดอย่าตก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19       นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามได้มีการผ่อนปรนให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งเห็นว่าการผ่อนปรนดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายและการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ได้ ดังนั้นจึงได้กำชับให้จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาด ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมไม่ให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน และให้นำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับพื้นที่ ประเภทกิจกรรมและสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริง นอกจากนี้ ยังได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้ดำเนินการจัดระเบียบสังคมในพื้นที่สาธารณะริมบาทวิถีและพื้นที่ชายหาด 4 ด้าน คือ – เชิงพื้นที่ ในบริเวณพื้นที่สาธารณะริมบาทวิถีให้พิจารณาแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ให้เหมาะสม ให้ผู้ประกอบการสามารถค้าขายได้อย่างถูกสุขลักษณะ และในพื้นที่ชายหาดให้พิจารณาแบ่งการใช้พื้นที่เป็นสัดส่วน สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ตามมาตรการที่กำหนด – เชิงกฎหมาย การอนุญาตอนุมัติให้ดำเนินการใดๆ ในพื้นที่สาธารณะต้องเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย – เชิงเศรษฐกิจ การดำเนินการจัดระเบียบสังคมในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง นอกจากเน้นมิติด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัยแล้ว ให้พิจารณามิติด้านเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบ – เชิงผู้ได้รับผลกระทบ การจัดระเบียบในที่สาธารณะให้ดำเนินการ ภายใต้อนุกรรมการการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคมระดับจังหวัด โดยแต่งตั้งผู้แทนผู้ค้าในบริเวณที่ได้รับผลกระทบและ ผู้แทนประชาคมในพื้นที่เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณากับคณะอนุกรรมการด้วย   HATYAITODAYNEWS อ้างอิง : กรมประชาสัมพันธ์ Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
เที่ยวชายหาดการ์ดอย่าตก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19