เริ่มแล้วโครงการประกันรายได้ข้าวนาปี 2563/64 เกษตรกรภาคใต้ดีใจเร่งขึ้นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอีกไร่ละ 500 บาท
นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่าตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 (รอบที่ 1) พร้อมมาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงินรวม 51,858 ล้านบาทนั้น
โครงการประกันรายได้ ปี 2 กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงพฤษภาคม 2564
ในฤดูกาลนาปีที่ผ่านมานั้น ภาคใต้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวขึ้นทะเบียนและได้รับความช่วยเหลือทั้งสิ้นประมาณ 90,000 ครัวเรือนเศษ พื้นที่ร่วมโครงการ 750,000 ไร่ โดยประมาณ และปีนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เกษตรกรแจ้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร แล้วจำนวน 43,466 ครัวเรือน พื้นที่ 348,516 ไร่ ส่วนหนึ่งเนื่องจากบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของภาคใต้ ยังไม่ถึงช่วงเดือนเพาะปลูก ซึ่งจะปลูกมากในเดือนธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์
ขณะนี้เกษตรกรที่มีข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเรียบร้อยแล้ว ในฐานข้อมูลระบบทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวภายใน 8 พฤศจิกายน 2563 กรมส่งเสริมการเกษตร จะส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินส่วนต่าง งวดที่ 1 ตามประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562/63 รอบที่ 1 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ดังนี้
ราคากลาง 1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,088.83 บาท 2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11.862.55 บาท 3.ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,777.64 บาท 4.ข้าวเปลือกหอมปทุม ตันละ 9,933.04 บาท 5.ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 9,935.66 บาท
ราคาชดเชย 1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 2,911.17 บาท 2.ข้าวเปลือกมะลินอกพื้นที่ ตันละ 2,137.45 บาท 3.ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 1,222.36 บาท 4.ข้าวเปลือกหอมปทุม ตันละ 1,066.96 บาท 5.ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 2,084.34 บาท
อนึ่งเกษตรกรยังได้รับค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ สูงสุดครัวเรือนละ 10,000 บาท ควบคู่กันอีกด้วย
ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำว่าหากเกษตรกรปลูกข้าวแล้ว ให้เร่งมาปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเกษตรกรเอง ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน กำชับ เร่งรัดให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามคู่มือการขึ้นและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ในการตรวจสอบรับรองข้อมูล เพื่อกรมส่งเสริมการเกษตรส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. จ่ายเงินให้เกษตรกรต่อไป นายสุพิท จิตรภักดี กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง : สวท.สงขลา