สงขลา ศึกษาธิการลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง นักเรียนม.2 ถูกครูนาฏศิลป์ลงโทษเหตุจำท่ารำผิด
วันที่ 15 ก.พ. 66 นางสาวชนภรณ์ อือตระกูล ศึกษาธิการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ “แม่ใจจะขาด ลูกสาวถูกครูโหดกระหน่ำตี เหตุเพราะรำมโนราห์ผิดท่า ขอลาออกจากวงทำครูโกรธ สั่งรุ่นพี่ผู้ชายตบที่ใบหน้าหลายครั้งจนหูอื้อ ลั่นเอาเรื่องให้ลาออกจากความเป็นครู” นั้น โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ทางศึกษาธิการจังหวัดสงขลา ร่วมกับ นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา , นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบข้อเท็จจริง พร้อมเยี่ยมบ้านเพื่อสืบเสาะ และพินิจ ประเมินสภาพครอบครัว ให้คำปรึกษา แนะนำบทบาทภารกิจ และให้กำลังใจแก่เด็ก ทั้งนี้ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา นำเด็กพบจิตแพทย์เด็กเพื่อประเมินสุขภาพจิต แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเด็กได้รับผลกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขั้นรุนแรง และได้ให้ยารับประทาน เพื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง และจะติดตามอาการอย่างเป็นระยะ , เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสงขลา ได้แจ้งสิทธิกรณีขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ส่วนแผนการให้ความช่วยเหลือ นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา ประสานนักจิตวิทยาตามประมวลกฎหมายปวิอาญา เพื่อเข้าร่วมสอบปากคำเด็กในฐานะพยานในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ประสานโรงเรียนเพื่อร่วมกำหนดมาตรการเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนคนดังกล่าว เนื่องจากเด็กมีความประสงค์จะกลับไปโรงเรียนในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเตรียมตัวสอบ , ประสานโรงเรียนแห่งใหม่ที่นักเรียน และพี่ชาย มีความประสงค์จะย้ายไปศึกษาต่อในระดับชั้น ม.3 , ดำเนินการนำข้อมูลของเด็กเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการสหวิชาชีพคุ้มครองเด็กจังหวัดสงขลา เพื่อร่วมกันกำหนดแผนให้ความช่วยเหลือเด็กและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และจะดำเนินการติดตามเด็กในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนยุติการให้บริการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงเรียนที่ปรากฏเป็นข่าว เนื่องจากเป็นโรงเรียนเอกชน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสงขลา ซึ่งได้ส่งนิติกรลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเบื้องต้นได้รายงานข้อมูลไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อพิจารณาดำเนินการ ส่วนด้านคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อ้างอิง : ศึกษาธิการจังหวัดสงขลา , สวท.สงขลา