แถลงการณ์ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นหลังถูก คฝ.สลายชุมนุมและถูกจับกุม เหตุมาทวงสัญญากับรัฐบาล
สืบเนื่องจากเมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) นำกำลังเจ้าหน้าเข้าสลายการชุมนุมและจับกุมกลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จ.สงขลา ที่เพิ่งเดินทางมาปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบฯ ทวงสัญญาจากรัฐบาลตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น หลังรัฐบาลไม่ทำตามสัญญา MOU ที่ได้ลงนามกันไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 63 โดยตกลงกันว่าจะ 1. ยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ และแก้ไขผังเมืองเอาไว้ก่อน 2. จัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ร่วมกันก่อน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมร่วมกัน อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับเดินหน้าโครงการ และเดินหน้าจัดทำผังใหม่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทำ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ตามสัญญานั้น
วันที่ 7 ธ.ค. 64 เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ได้แถลงการณ์ประณามการสลายการชุมุนมหลังถูกจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายชุมนุมและจับกุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และได้อ่านศาส์นจากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นของผู้ที่ถูกคุมขัง ว่า
เขาจะมาเจรจาไม่ดำเนินคดีกับพวกเรา แลกกับการไม่เรียกร้องเรื่องนิคมอุตสาหกรรมจะนะอีกต่อไปพี่น้องทุกคนไม่ยอมรับ พร้อมที่จะสู้คดีและยืนยันว่าหากออกไปได้ก็จะอยู่ที่ทำเนียบอีก จนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุคดีนี้ทำอะไรเราไม่ได้ เราพร้อมเอาชีวิตเข้าแลก
ทั้งนี้การชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ครั้งนี้มี 3 ข้อเรียกร้องได้แก่
1. รัฐบาลต้องตั้งกลไกตรวจสอบความผิดปกติของโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะใหม่ โดยจะต้องตรวจสอบในทุกมิติ อย่างเช่น เรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมประชาชน เรื่องการใช้แผนปฏิบัติการโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและรังวัดรูปแปลงโฉนดที่ดินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันอันมิชอบ และการใช้งบประมาณของ ศอ.บต. ในโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งกลไกนี้จะต้องเป็นกลาง เชื่อถือได้ และมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อแล้วเสร็จจะต้องแจ้งผลการตรวจสอบให้ประชาชนรับทราบอย่างเป็นทางการด้วย
2. รัฐบาลต้องจัดการศึกษาโครงการในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA. แบบมีส่วนร่วม และต้องดำเนินการโดยนักวิชาการที่เป็นกลางและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งคณะศึกษานี้ต้องไม่อยู่ภายใต้การกำกับของ ศอ.บต.
3. ระหว่างนี้ รัฐบาลต้องสั่งให้ยุติการดำเนินการทุกอย่างในโครงการนี้ไว้ก่อน จนกว่าการดำเนินการตามข้อ 1 และ ข้อ 2 จะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ ดังกล่าว จะต้องออกเป็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี หรือเป็นมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
อ้างอิง : เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น