มท.2 ระดมสภาพัฒน์ฯ-แบงค์ชาติ พัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและภาคใต้ชายแดน
ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะอนุกรรมการ อ.ก.บ.ภ.ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน และหัวหน้าคณะทำงานกลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เป็นประธานการประชุมระดมความคิดเห็น เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและภาคใต้ชายแดน และแนวทางดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ 2564-2565 พร้อมทั้งมอบแนวทางการดำเนินงานพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในระยะต่อไป ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นแอร์พอร์ต อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รอง ผวจ.สงขลา ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ ผู้แทนสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคใต้ ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งขาติ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และผู้แทนกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมประชุม
โดยที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็น และติดตามผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและภาคใต้ชายแดน รวมถึงแนวทางการดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ.2564-2565 โดยมีกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วยจังหวัดสุราษฏร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม และรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ 2563 รวมถึงการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2564-2565 รวมทั้งให้ข้อคิดเห็น และข้อสังเกตต่อการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด
นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจของภาคใต้โดยรวม จะเห็นว่าเครื่องจักรทุกตัวอ่อนกำลังลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากการใช้จ่ายจากภาครัฐ รวมถึงภาคการเกษตร โดยเฉพาะในเรื่องของราคายาง ที่ยังพอกระเตื้องอยู่บ้าง แต่ยังต้องจับตาดูต่อไป แต่อย่างน้อยเมื่อราคายางสูงขึ้น ทำให้คนกลุ่มหนึ่ง ยังพอมีสภาพคล่องอยู่บ้าง นอกจากในเรื่องของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงมีผลกระทบมากที่สุด
ดังนั้น จึงพอสรุปในภาพรวมถึงสถานการณ์ปีหน้า รวมถึงจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ และการเจริญเติบโตอย่างอื่นก็ยังน่าเป็นห่วง นอกจากภาครัฐ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาลงในพื้นที่ เพื่อจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะงบลงทุนซึ่งปีหนึ่งๆประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ถ้ามีการเร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงานโครงการได้ ก็จะอัดฉีดเข้าไปในระบบได้ ดังนั้นการใช้จ่ายในภาครัฐจึงต้องอาศัยงบประมาณในพื้นที่
ซึ่งการเบิกจ่ายงบประมาณจึงต้องมีการเร่งรัด ครม.เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ จึงถือโอกาสนี้เน้นย้ำสิ่งสำคัญ คือ การเร่งเบิกจ่ายจากภาครัฐ จึงมีความสำคัญกับเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และทำให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคใต้ ดังนั้น ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรจะใช้งบประมาณให้ตรงจุดได้มากที่สุด จึงต้องเข้าใจสถานการณ์โดยรวม ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อจัดทำงบประมาณของจังหวัด
สำหรับการประชุมระดมความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นปัจจัยความสำเร็จ รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากผู้ที่ปฏิบัติงานโดยตรงและ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการปรับปรุงระบบการทำงานของการภาคีพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น และข้อมูลสำหรับประกอบการจัดทําแผนงานโครงการเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามที่กำหนด สามารถยกระดับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสำคัญในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งผลการประชุมในวันนี้ สภาพัฒน์ฯจะได้ประมวลนำเสนอคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เพื่อรับทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก : สวท.สงขลา