คนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศแล้วกว่า 52,000 คน พบติดเชื้อสะสม 258 คน วอนประชาชนใช้แอปพลิเคชันไทยชนะอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 6 ก.ค. 63 ที่ผ่านมาทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงโดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ภาพรวมมีคนไทยเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้วประมาณ 52,900 คน สามารถกลับบ้านได้แล้ว 43,000 คน พบติดเชื้อสะสม 258 คน
ทั้งนี้ยังขอให้ประชาชนทุกท่านในประเทศไทยใช้แอปพลิเคชันไทยชนะอย่างต่อเนื่อง เพราะแอปพลิเคชันไทยชนะเป็นสิ่งสำคัญมากเบื้องต้นมีร้านค้าต่างๆ ลงทะเบียนไปแล้วกว่า 20,000 กิจการ และมีประชาชนโหลดแอปพลิเคชันไปแล้ว 623,000 คน โดยประเทศไทยยังต้องการความร่วมมือในลักษณะนี้อยู่ แม้ยังไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในประเทศแต่ยังไม่มีวัคซีนรักษาโรคให้หายขาด จึงต้องใช้แอปพลิเคชันนี้มาช่วยควบคุมดูแลว่าติดเชื้อหรือไม่ ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ใช้มากถึงร้อยละ 97 ในจุดที่มีการตรวจสอบ สิ่งสำคัญที่ขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอย่าให้การ์ดตก
โฆษก ศบค. กล่าวย้ำว่า ส่วนการที่จะมีผู้ป่วยต่างประเทศเข้ามาขอรับการรักษาในประเทศไทย ได้เตรียมระบบและสถานที่กักกันตัวไว้รองรับที่จะรับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้นตามเฉพาะกลุ่มโรค ด้วยการเดินทางจากสายบินและเสียค่าใช้จ่ายเอง รวมถึงการรักษาพยาบาลและการกักกันโรคครบ 14 วัน ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศและสร้างการยอมรับด้านการแพทย์ของไทยด้วย
ซึ่งทางด้านนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้พลาสมาสร้างแอนตี้บอดี้ ว่า การใช้พลาสมามารักษาโรคไม่ใช่เรื่องใหม่ ในผู้ที่หายจากโรคติดเชื้อ ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานมาต่อต้านเชื้อโรคนั้น เราสามารถใช้ภูมิต้านทานนั้น มาให้ผู้ป่วยใช้ช่วยในการรักษา เช่น เอามาทำเป็นเซรุ่ม โดยเซรุ่ม ที่เราใช้อยู่จะถูกสกัดมาอีกทีหนึ่งให้มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันที่นำพลาสมาในผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 ก็จะมีภูมิต้านทานต่อไวรัส มารักษาผู้โควิด -19 ได้
โดยการรักษาพลาสมาในผู้ป่วยโควิด -19 ของประเทศไทย พบว่ามีผู้ป่วยใช้พลาสมารักษาและมีอาการดีขึ้น อย่างเช่น กรณีจากจังหวัดสงขลาที่มีผู้ป่วยใช้พลาสมารักษา ซึ่งได้ผลดี ซึ่งการให้พลาสมากับผู้ป่วยโควิด -19 ต้องให้เร็ว ก่อน 14 วันหลังจากเริ่มอาการ จะได้ผลการรักษาที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าให้พลาสมาในช่วงระยะสุดท้ายส่วนใหญ่ก็ไม่เกิดผล แต่ก็มีบางรายได้ผลในระยะสุดท้ายและไม่สามารถการันตีได้ว่าผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีกครั้ง
ทั้งนี้พลาสมาที่สภากาชาดไทยมีอยู่จำนวนกว่า 250 ถุง ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการทำเซรุ่ม คาดว่าต้องใช้มากถึง 1,000 ถุง จึงอยากเชิญชวนผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด -19 แล้ว มาบริจาคพลาสมา ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปทำยารักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้ ซึ่งแต่ละครั้งที่บริจาดจะมีการเช็ดสุขภาพก่อน ผู้ป่วยต้องหายดีไม่มีอาการแล้ว หรือออกจากโรงพยาบาลและกักตัวที่บ้านครบ 14 วันแล้ว
เป็นผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 18-60 ปี น้ำหนักมากกว่า 50 กิโลกรัมขึ้นไป และไม่มีโรคประจำตัว จะบริจาดพลาสมาปริมาณ 400-600 ซีซี ต่อครั้งและสามารถเก็บเอาไว้ได้นานเกือบ 1 ปี อย่างไรก็ตามพลาสมาที่บริจาด จะนำไปรักษาตัวผู้ป่วยโควิด -19 โดยจะให้พลาสมาตามขนาดของน้ำหนักผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยน้ำหนักมากว่า 60 กิโลกรัม ให้พลาสมาครั้งละ 300 ซีซี และภาย 24 ชั่วโมงอาการไม่ดีขึ้น สามารถให้อีกครั้งได้ นับว่าพลาสมา เป็นหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคโควิด -19
อ้างอิง : ศูนย์ข้อมูล COVID-19