จังหวัดสงขลา ขานรับนโยบายกระทรวงมหาดไทย พร้อมคุมเข้มผู้กระทำผิดข้อกำหนดต่อเนื่อง
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่ห้องประชุม Conference ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำหัวหน้าส่วนราชการ เช่น นายวรณัฏฐ์ หนูรอต ปลัดจังหวัดสงขลา นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา นายพนมเทียน เส้งวั่น ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา ร่วมประชุมเพื่อรับทราบข้อสั่งการ และติดตามการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกลจากกระทรวงมหาดไทย
โดยมี นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชน และส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ฝากข้อสั่งการในหลายประเด็น เช่น
1.การดำเนินการตามประกาศทุกประกาศอย่างเคร่งครัด
2.มาตรการดำเนินการกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หรือจังหวัดพื้นที่เสี่ยง เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต ให้ดำเนินการตาม State Quarantine, Local Quarantine ตามแต่ละจังหวัด
3.การเดินทางระหว่างจังหวัดให้ประสานการปฏิบัติจังหวัดต่อจังหวัด หรืออำเภอต่ออำเภอ โดยเน้นย้ำห้ามนำอุปกรณ์ เครื่องมือมาปิดเส้นทางจราจร แต่ให้จัดทำเป็นด่าน
4.การให้ข้อมูลแก่ประชาชน และสื่อมวลชนให้มีความถูกต้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยสามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่สำนักงานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย www.moicovid.com เช่น หน้าประกาศคำสั่งจังหวัดของแต่ละจังหวัดเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้น พร้อมขอให้แต่ละจังหวัดส่งข้อมูลอัปเดตให้เป็นปัจจุบันตามมาตรการต่างๆ เข้าระบบ เช่่น มาตรการเข้าออกจังหวัด การกักตัว ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างจังหวัดกับประชาชน เช่น เพจ เฟซบุ๊ก ไลน์เฉพาะกลุ่มบุคคลในนามจังหวัดเกี่ยวกับโควิด-19 การเปิดโอเพ่นแชต
5.การขอลิงก์ข่าวการดำเนินงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัด
6.การติดตามการจัดสรรหน้ากากอนามัยไปจนถึงระดับตำบลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 และจะมีการบันทึกข้อมูลการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
7.การติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดีย
8.การลงพื้นที่ตรวจเข้มกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน พร้อมสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาชนให้ดำเนินการตามข้อกำหนด ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าใช้บริการให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว อาจมีความผิดตามกฎหมาย และถูกสั่งปิดสถานประกอบการสถานที่นั้น