สงขลาเปิดศูนย์พักคอย อ.สทิงพระ เตรียมรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม
วันที่ 12 ส.ค. 64 โรงเรียนบ้านพังเภา อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดศูนย์พักคอย (CI) อำเภอสทิงพระ เตรียมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ก่อนเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม โดยมีนางสุรียพรรณ์ ณ สงขลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต นายอำเภอสทิงพระ สาธารณสุขอำเภอ บุคลากรทางการแพทย์ และ อสม.
เข้าร่วมเปิดศูนย์พักคอย (CI) อำเภอสทิงพระ ใช้เป็นสถานที่ให้ผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอสทิงพระและอำเภอใกล้เคียง ในกลุ่มสีเขียวที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยอยู่ระหว่างการรอส่งต่อโรงพยาบาล โดยในระยะเวลารักษาหากผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยวิกฤต หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถส่งต่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ลดการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
ซึ่งจะเป็นการลดการระบาดของโรคนอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่สำหรับดูแล กลุ่มคนที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษระหว่างรอเตียง เช่น เด็กที่พ่อแม่ติดเชื้อที่ไม่มีคนในครอบครัวดูแล ซึ่งรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 35 เตียง โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากล่าวชื่นชมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบเครื่องอุปโภค และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พักคอย (CI) เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ และยังมีหน่วยงานอื่นๆนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาร่วมส่งมอบอีกด้วย
อ้างอิง : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
Sun Aug 15 , 2021
สรรพสามิตสงขลา ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบขายน้ำมันเถื่อนและสินค้าหนีภาษี วันที่ 15 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่จาก 5 หน่วยงานทั้งสายตรวจสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 สายตรวจสรรพสามิตพื้นที่สงขลา ชุดสืบสวนปราบปรามกรมศุลกากร ศุลกากรภาค4 และชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนตำรวจภูธร ภาค 9 ภายใต้การสั่งการของ นายจรูญ ราชกิจจา ผอ.สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตพื้นที่สงขลา ได้สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบขายน้ำมันเถื่อนและสินค้าหนีภาษีทุกประเภท ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ทั้งในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม พื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับการค้าและเศรษฐกิจภายในประเทศจากผลพวงของสถานการณ์โควิด-19 โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ปั้มหลอดแก้วและร้านค้ารายย่อยที่เคยนำน้ำมันเถื่อนมาวางขายส่วนใหญ่ปิดเกือบทั้งหมด ส่วนที่วางขายอยู่จะเป็นน้ำมันขวดที่ซื้อน้ำมันไทยมาแบ่งขายใส่ขวดขาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำมันไปตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์กับรถโมบายแล็ปของกรมสามิต หากพบว่า รายใดมีการปลอมปนนำน้ำมันเถื่อนมาผสมกับน้ำมันไทย หรือลักลอบขายน้ำมันเถื่อนเข้ามา ก็จะเปรียบเทียบปรับกับเจ้าของร้าน รวมทั้งแนะนำให้ร้านค้ารายย่อยไปขออนุญาตการจำหน่ายน้ำมันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ภาพรวมของสถานการณ์น้ำมันเถื่อนชายแดนไทย-มาเลเซีย จากการตรวจสอบพบว่า หลังจากที่มีมาตรการล๊อคดาวน์นายทุนใหญ่ และคอกน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ได้หยุดดำเนินการทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่คุมเข้มพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ยากที่จะลักลอบนำเข้ามา แต่อาจจะมีเล็ดรอดเข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นลักษณะของชาวบ้านที่นำมาใช้และแบ่งขวดขายรายเล็กๆ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด 19 ที่ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นส่วนน้อย อ้างอิง : สวท.สงขลา , กรมศุลกากร Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine