สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จ.สงขลา ตรวจคัดกรองผู้เดินทางกลับจากประเทศซาอุดีอาระเบีย
อย่างละเอียด (ชุดที่ 2)
วันที่ 26 พ.ค. 63 จากกรณีที่คนไทยในประเทศมาเลเซีย และประเทศซาอุดิอาระเบีย แจ้งความประสงค์เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ผ่านทางประเทศมาเลเซีย เข้าสู่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นั้น ทางสถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่าง ๆ ได้ทยอยส่งคนไทยกลับมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ณ สถานเอกอัครราชทูตกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ส่งคนไทยในเดินทางกลับ จำนวน 39 ราย จากที่แจ้งความประสงค์ไว้จำนวนทั้งหมด 45 ราย (เนื่องจากนักศึกษาไทย 6 ราย มีผลตรวจ COVID-19 เป็น positive ทางการซาอุดิอาระเบียจึงต้องกักตัวไว้ก่อน ไม่สามารถส่งกลับประเทศไทยได้)
ซึ่งในจำนวน 39 รายนี้ เป็นเด็ก 1 ราย อายุ 14 เดือน และมารดาของเด็ก และเป็นนักศึกษาชาวไทย-มุสลิม ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย 37 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดสงขลา 3 ราย สตูล 3 ราย ปัตตานี 12 ราย นราธิวาส 6 ราย ยะลา 4 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย พัทลุง 1 ราย เชียงใหม่ 1 ราย พังงา 1 ราย ตราด 1 ราย กรุงเทพมหานคร 4 ราย และนนทบุรี 1 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทำการคัดกรองอย่างเข้มงวดและแยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้เดินทาง พร้อมทั้งทำการส่งตรวจการเพาะเชื้อทุกราย เนื่องจากประเทศซาอุดิอะราเบียเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อในเกณฑ์สูง
อย่างไรก็ตามทางทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธาณสุขจังหวัด ได้ทำการตรวจสอบตามกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเข้มงวด ก่อนจะแยกส่งกลับไปกักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วัน โดยได้แบ่งกลุ่มผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นชาวจังหวัดสงขลาและกลุ่มผู้ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดอื่น ๆ นอกเหนือจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจังหวัดสงขลาจะรับดูแลทั้งหมด ส่วนผู้ที่อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ได้ประสานให้มีรถมารับกลับภูมิลำเนา
ทั้งนี้สำหรับผลการคัดกรองพบว่ามีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวน (PUI) จำนวน 3 ราย ซึ่งได้เข้ารับการกักกันตัว และรับรักษาตัวในโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อรอผลการเพาะเชื้อ หากผลเป็นลบก็จะนำตัวส่งไปยังศูนย์กักกัน ที่โรงแรมเอ็มโซโฮ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
อ้างอิง : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์