โรงพยาบาลเบตง ประกาศงดเยี่ยมผู้ป่วยทุกกรณี หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัว 1 ราย
วันที่ 9 ธ.ค. 63 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในขณะนี้ อ.เบตง จ.ยะลา ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 1 ราย หลังเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย โดยผ่านด่านพรมแดนอำเภอเบตง จ.ยะลา อย่างถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา และเข้ารับการกักตัวที่ศูนย์ local quarantine อำเภอเบตง จังหวัดยะลาทันที และในช่วง 14 วัน เฝ้าสังเกตุอาการได้พบว่าติดเชื้อโควิด พนักงานควบคุมโรคจึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง ซึ่งอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์ ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้านแพทย์หญิงปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง กล่าวว่า โรงพยาบาลเบตงติดป้ายประกาศงดเยี่ยมทุกกรณี เพื่อต้องการลดปริมาณคนที่เข้ามาในโรงพยาบาล เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 และความปลอดภัยของผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยอนุญาติให้ญาติเฝ้าไข้ เตียงละ 1 คน และไม่อนุญาติให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปัขึ้นไป เฝ้าไข้ จึงขอความร่วมมือผู้รับบริการงดเยี่ยมทุกกรณี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใย จากโรงพยาบาลเบตง ส่วนผู้ที่มาติดต่อราชการต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าโรงพยาบาลเบตงทุกครั้ง
โดยเชื้อโควิด-19 ส่งผลต่อผู้คนในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และหายจากโรคได้เองโดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล
อาการที่พบไม่บ่อยนักมีดังนี้
สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส
มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
โปรดเข้ารับการรักษาทันทีหากมีอาการรุนแรง และติดต่อล่วงหน้าก่อนไปพบแพทย์หรือไปสถานพยาบาลเสมอ ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ควรรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการป่วยใน 5-6 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจใช้เวลานานถึง 14 วันจึงจะแสดงอาการ
Thu Dec 10 , 2020
การยางแห่งประเทศไทย เตรียมจ่ายเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางระยะที่ 2 ในเดือนธันวาคมนี้ ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีหลังมีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 ว่า ส่งผลให้มีเกษตรกรได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการประกันรายได้ ระยะที่ 2 ที่แจ้งขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 และเป็นสวนยางที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 1,834,087 ราย รวมพื้นที่สวนยางกว่า 18 ล้านไร่ ซึ่งเกษตรกรแต่ละรายสามารถเข้าร่วมโครงการไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาของการประกันรายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-มีนาคม 2564 รวม 6 เดือน รัฐบาลได้กำหนดเงินค่าประกันรายได้ในแต่ละเดือน โดยราคายางแผ่นดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำยางสดอยู่ที่ 57 บาทต่อกิโลกรัม และราคายางก้อนถ้วย (DRC 50%) อยู่ที่ 23 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งตัวเลขการจ่ายเงินงวดที่ 1 ประจำเดือนตุลาคม 2563 และงวดที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2563 กยท. จะดำเนินการจ่ายค่าชดเชยพร้อมกันทั้ง 2 งวดในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะจ่ายเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางเดือนละ 1 ครั้ง จนครบ 6 งวดตามโครงการในเดือนมีนาคม 2564 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โดยยืนยันว่าโครงการดังกล่าวเป็นการประกันรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางในกรณีที่รายได้เกษตรกร ลดลงจากรายได้ที่ควรจะได้รับ ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ยังเปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางในปัจจุบันว่า ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 65 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบราคารเฉลี่ย 63.56 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสดราคาเฉลี่ยประมาณ 56-57 บาทต่อกิโลกรัม ยางก้อนถ้วยราคาเฉลี่ย 21.50 บาทต่อกิโลกรัม ราคาปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดี การประกันหรือการชดเชยรายได้ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมาจะมีการชดเชยเพียงราคาน้ำยางสดและราคายางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบอยู่เกินราคาประกันที่ 60 บาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากความต้องการของตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นประกอบกับประเทศผู้ผลิตยางประสบปัญหาสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ผลผลิตลดลง จึงส่งผลให้ราคายางราพราปรับตัวสูงขึ้น ความต้องการถุงมือยางปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงให้ราคายางพารา ยังคงมาตรการผลักดันส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ สนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตยาง ไม้ยาง สินเชื่อหมุนเวียน เป็นต้น ควบคู่กับการควบคุมปริมาณผลผลิตปรับพื้นที่ปลูกยางให้เหมาะสม คู่ขนานกับการประกันรายได้เกษตรกร HATYAITODAYNEWS อ้างอิง : การยางแห่งประเทศไทย Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine