ศาลสงขลา ออกหมายจับ ปลัด-อส.6 นายเรียกผลประโยชน์แลกผู้ต้องหาแก๊งค้ายารัตภูมิ
ความคืบหน้าแก๊งค้ายาเสพติดพยายามบุกชิงตัวผู้ต้องหา ขณะปลัด และ อส.รวม 6 นาย ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายกครอง จ.สงขลา พาผู้ต้องหา 1 ราย ไปขยายผลล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ตัวผู้ต้องหาไป เพราะ อยู่ในรถอีกคัน และได้ปล้นปืนพกสั้น 9 มม. ของปลัด และ อส. ไป 5 กระบอก ยาบ้า 20,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และรถเก๋งของปลัดไปอีก 1 คัน
วันที่ 25 ต.ค. 65 ศาลจังหวัดสงขลา ได้ออกหมายจับปลัด และ อส. ทั้ง 6 นาย แล้ว ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครอง จ.สงขลา หรือ ชุดพิฆาตไพรี ประกอบด้วย จ่าเอกไพรัช ปลัดอำเภอหัวหน้าชุด , นายหมู่เอก เฉลิมศักดิ์ , นายหมู่ตรี พิษณุ , สมาชิกเอก สุทธิพงษ์ , สมาชิกเลิศฤทธิ์ และ สมาชิก อดิศักดิ์ นข้อหาหรือฐานความผิด “ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำความผิด เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต”
หลังจากที่ผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ต่างให้การสอดคล้องกันว่า ปลัดไพรัช และ อส. ชุดนี้ ได้เรียกรับผลประโยชน์ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญากับ นายธนกร หรือ โด่ง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดนี้จับกุม โดยให้ นายธนกร ติดต่อญาติให้นำเงินจำนวน 1,000,000 บาท หรือ ยาบ้าจำนวน 100 มัด รวม 200,000 เม็ด หรือ ไอซ์ 10 กิโลกรัม มาแลกตัว
ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานสำคัญที่พบว่า ทั้งปลัดไพรัช และ อส. ชุดนี้ เรียกรับผลประโยชน์แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา ทั้งข้อมูลที่มีการเจรจาต่อรองผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ของผู้ต้องหา และเบอร์โทรศัพท์ของปลัดไพรัช ที่ใช้ติดต่อพูดคุยกัน ก่อนที่จะมีการนัดหมายแลกตัวผู้ต้องหากันในคืนเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนจึงได้รวบพยานหลักฐาน พยานเอกสาร รวมทั้งสอบปากคำพยาน ซึ่งต่างสอดคล้องกันว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมผู้ต้องหาคดีนี้ มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดียาเสพติด รวมทั้ง นายธนกร กับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่ถูกจับ ก็ไม่รู้จักกัน และถูกจับคนละเวลา ไม่มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน เพื่อสร้างพยานหลักฐานให้ร้ายกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
อ้างอิง : ผู้พิทักษ์ , ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา