ตำรวจรวบตัวแล้วโจรปล้นร้านทอง ปากซอย16 ถนนทะเลหลวง(วชิรา) ได้ทองไปน้ำหนัก3บาท
หลังจากเมื่อวานนี้(24/5/63)เกิดเหตุเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.อเสก สีแก้วเขียว สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสงขลา รับแจ้งเกิดเหตุชิงทรัพย์ร้านทองห้างทองธนะพัฒน์ สาขา 2 ตั้งอยู่เลขที่ 159/1 ถนนทะเลหลวง เขตเทศบาลนครสงขลา ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเหตุคนร้ายได้สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ไป 2 เส้น รวมน้ำหนัก 6 บาท ราคาประมาณ 150,000 บาท และขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน หลบหนีไป
จากการสอบสวนเจ้าของร้านบอกว่า ขณะเกิดเหตุมีพนักงานซึ่งเป็นผู้หญิงอยู่ในร้าน 3 คน ได้มีคนร้ายสองคน หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อยืดคอกลมสีแดง เสื้อแจ็กเก็ตสีดำและกางเกงขายาวสีดำ สวมหน้ากากอนามัยสีฟ้า ทำทีเข้ามาเลือกซื้อทองภายในร้านโดยให้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท มาดู 2 เส้น ก่อนชักอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ออกมาจี้พนักงาน และชิงทองวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายอีกคนสตาร์ตเครื่องรออยู่หน้าร้านหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้วิทยุสกัดจับตามเส้นทางที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านทองที่เกิดเหตุจนล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.สงขลา และชุดสืบสวน ภาค 9 สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว คือ นายอินทรเดช ฤทธิมา อายุ 26 ปี ชาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นนักศึกษาปี 4 คณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา โดยจับกุมตัวได้ขณะกำลังขับรถยนต์กระบะอยู่กับแฟนสาว ที่บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคโนโลยีอุดมศึกษาพณิชยการ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงคุมตัวมาสอบสวนพร้อมนำตัวไปตรวจยึดของกลางเป็นสร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนัก 6 บาท ซึ่งได้นำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในย่าน ถ.รัถการ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้น .38 และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในช่วงก่อเหตุ
ภายหลังการจับกุม พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้เดินทางมาร่วมสอบสวน พร้อมกับ พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา และนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหา รับสารภาพว่าต้องการหาเงินมาคืนแฟนสาวซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยืมไป 6 หมื่นบาทเอาไปเล่นพนันออนไลน์แต่แพ้จนหมดตัว แฟนสาวทราบจึงขอเงินคืน ส่วนเงินอีกจำนวนหนึ่งจะหาเพื่อนำไปชำระค่าเทอม จึงลงมือก่อเหตุปล้นทรัพย์ เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์ฯ’ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร