5 สส.ใต้ส่งหนังสือถึง นายกตู่ ขอความช่วยเหลือคนไทยตกค้าง ตปท.
เมื่อวานนี้ (05/05/63)ที่ห้องประชุม ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งก.พ.) ตัวแทนศูนย์ประสานงานส.ส.ภาคใต้ 5 คน นำโดย นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ นายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.บัญชีพรรคภูมิใจไทย และนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนรวมทั้งได้หารือกับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ เรื่องคนไทยจำนวนมากที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศ จำนวนชาวไทยที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านด่านไทยมาเลเซียมีเพียง 350 คนต่อวัน จาก 5ด่าน จนทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเดินทางเข้าช่องทางธรรมชาติ ซึ่งตามข้อมูลที่ได้รับพบว่าในระหว่าง 18 เม.ย.-4 พ.ค.ที่ผ่านมา มีคนไทยเดินทางผ่านเข้ามาทางอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส รวม3,008 คน มีผู้เข้ามาแบบถูกกฎหมาย 1,043 คน ผ่านซ่องทางธรรมชาติ ผิดกฎหมายมากถึง 1,965คน ทำให้ต้องเสียค่าปรับตามกฎหมาย และยังมีรายงานว่าคนไทยที่เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้า
จากกรณีที่มีคนไทยจำนวนมากที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยนั้น มีข้อร้องเรียนว่าการลงทะเบียนออนไลน์ขอรับหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย สถานทูต หรือสถานกงสุลออกให้ มีปัญหา เช่นหลายคนไม่สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ ขณะเดียวกันยังมีขบวนการหักหัวคิว ทำเอกสารปลอม แม้ทางสถานทูตและกงสุลรวมทั้งอาสาสมัครคนไทยในมาเลเซีย องค์กรเอกชนได้พยายามสื่อสารและช่วยกันในกรณีนี้ แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง การคัดกรองและจัดส่งถึงศูนย์กักตัว Local quarantines ซึ่งการออกหนังสือรับรองสุขภาพ เพื่อใช้ประกอบในการขอเดินทางกลับนั้น พบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงมาก
จึงขอให้พิจารณาเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขการเดินทางผ่านแดนไม่ต้องมีหนังสือ รับรองสุขภาพ เพราะเป็นการเดินทางโดยทางพาหนะรถยนต์หรือเดินเท้า ไม่ได้เดินทางเข้าประเทศโดยสายการบิน และตามมาตรการคัดกรองบุคคลของประเทศไทย เมื่อเดินทางมาจากต่างประเทศในพื้นที่เสี่ยง ทุกคนต้องเข้าสู่มาตรการคัดกรองที่ศูนย์กักตัวสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน จึงขอให้ฝ่ายราชการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อลงพื้นที่แต่ละรัฐ เพื่อรับการลงทะเบียนจากคนไทยกลุ่มดังกล่าว และจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอสำหรับจัดหาปัจจัยยังชีพแก่ทุกคน พร้อมทั้งเร่งดำเนินการให้คนไทยจำนวนมากที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศกลับประเทศไทยโดยเร็ว