แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ติดตามกระบวนการคัดกรองคนไทย ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์

โควิด-19

แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ติดตามกระบวนการคัดกรองคนไทย ด่านปาดังเบซาร์

เมื่อวันนี้ 29 เม.ย. 63 พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการคัดกรองกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมทั้งตรวจติดตามความเรียบร้อยแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ซึ่งได้เน้นย้ำให้กองกำลังป้องกันแนวชายแดนได้ตรวจตรา ลาดตระเวน คุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน สกัดกั้น ไม่ให้มีการลักลอบใช้ช่องทางเหล่านี้ข้ามเข้ามาได้ ขณะที่ภาพรวมการดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ด้านพลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เผยว่า หลังจากมีการปิดด่านสะเดาเป็นการชั่วคราว และเปิดรับคนไทยกลับเข้าประเทศ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยคนไทยที่เดินทางกลับต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการคัดกรองทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่การวัดอุณหภูมิ การซักประวัติ การคัดแยก การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล โดยขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังย้ำอีกว่า ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องเข้าสู่ระบบการคัดกรองและกักตัวศูนย์ Local Quarantine 14 วัน ทุกคน ซึ่งทางจังหวัดสงขลา มีความพร้อมในการรองรับผู้เข้ารับการกักกันตัวเป็นอย่างดีและมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลอย่างใกล้ชิด

โควิด-19

โควิด-19

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิง : สนง ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา กรมประชาสัมพันธ์

Next Post

กระทรวงมหาดไทยกำชับทุกจังหวัดคงทุกมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเคร่งครัด

Thu Apr 30 , 2020
กระทรวงมหาดไทยกำชับทุกจังหวัดคงทุกมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเคร่งครัด ทั้งนี้การออกคำสั่งหรือประกาศของจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ให้รอการสั่งการเชิงนโยบายจาก ศบค.ก่อน เพื่อให้เกิดเอกภาพพร้อมกันทั่วประเทศ และมีข้อกฎหมายรองรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติต่อไป ได้แก่ 1. ประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จนถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 2. ประกาศที่คณะรัฐมนตรี กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 เรื่องการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2563 เป็นต่อไป 3.ให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป HATYAITODAYNEWS อ้างอิง : ศูนย์ข้อมูล COVID-19 Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
โควิด-19