แพทย์เตือน คนไทยเสี่ยงภาวะเครียดสะสม ผลกระทบอันโหดร้ายโควิด-19

แพทย์เตือน คนไทยเสี่ยงภาวะเครียดสะสม ผลกระทบอันโหดร้ายโควิด-19
แพทย์เตือน คนไทยเสี่ยงภาวะเครียดสะสม ผลกระทบอันโหดร้ายโควิด-19

แพทย์เตือน คนไทยเสี่ยงภาวะเครียดสะสม ผลกระทบอันโหดร้ายโควิด-19

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 (วานนี้) ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) กล่าวว่า ผลกระทบทางสุขภาพจิตจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 แบ่งคนไว้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ถูกกักกัน ผู้ติดเชื้อโควิด
2.กลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต โดย 2 กลุ่มนี้อาจะจะถูกตีตราจากสังคม
3.บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานด้านการติดโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการให้การดูแลผู้ป่วยแล้วผลไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เช่น ผู้ป่วยจะดีขึ้นแต่กลับกลายเป็นเสียชีวิต หรือมีโอกาสติดเชื้อ เป็นความเครียดที่เกิดขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะหมดไปในการทำงาน
4.ประชาชนทั่วไป / ชุมชน ติดตามสถานการณ์ ข้อมูลโรคโควิด ทำให้เครียดเกิดขึ้น ซึ่ง 4 กลุ่มนี้สามารถที่จะมีความเครียดเรื้อรัง หรือโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า และสุดท้ายอาจไปถึงการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด

สำหรับการให้คำปรึกษาผ่านสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 กับโควิด-19 พบว่าในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 2563 ยังมีน้อยอยู่ที่เดือนละ 20 , 39 สายตามลำดับ แต่แต่เดือนมี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดพบผู้ป่วยมากขึ้นนั้น มีการโทรรับคำปรึกษา 600 สาย เพิ่มขึ้น 15 เท่า และเดือนเม.ย.ครึ่งเดือนโทรปรึกษาแล้ว 315 สาย โดย 3 อันดับแรกที่มีการปรึกษา คือ เครียดวิตกกังวลั 51.85% ผู้ป่วยจิตเวชเดิม 37.99 % และสอบถามข้อมูล 6.57 %

นายสาธิต กล่าวอีกว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดทำคู่มือการดูแลสุขภาพจิตใจของบุคลากรและประชาชนทั่วไปโดยการแบ่งเป็น 4 สร้าง 2 ใช้ เพื่อดูแลรักษาจิตใจ ความเครียดวิตกกังวล ได้แก่ สร้างความปลอดภัย สร้างความสงบ สร้างความหวัง สร้างความเข้าใจเห็นใจซึ่งกันและกัน ใช้ศักยภาพองค์กรให้เต็มที่ และใช้สายสัมพันธ์สร้างความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความเข้าใจ และเขใมแข็ง ลดความเครียด วิตกกกังวล และเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต เพราะถ้าปล่อยหากปล่อยให้ความเครียดสะสมในตัว เป็นโรคเครียดเรื้อรัง พัฒนาสู่โรคซึมเศร้า จึงต้องเรียนรู้ เข้าใจและขอคำปรึกษาจิตแพทย์

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า กรมได้วางมาตรการในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนมีเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ
1.ลดผลกระทบสุขภาพจิตในระดับบบุคล ต้องเข้าถึงบริการ ได้รับการดูแล มีอสม. เคาะประตูบ้านกลุ่มเสี่ยงที่ความเกี่ยวข้องกับโควิดเพื่อประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้น รวมถึง เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพจิตจะโทรศัพท์ไปพูดคุย หากพบท่าทางกังวล ก็จะขออนุญาตประเมินสุขภาพจิตและแนะนำให้เข้าถึงบริการ ส่วนคนที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสามารถประเมินสุขภาพจิตตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น mental health check up สามารถตรวจสอบสุขภาพจิตใน 6 ด้าน คือ ความเครียด ภาวะซึมเศร้า ภาวะสมองเสื่อม ดัชนีวัดความสุข พลังสุขภาพจิต และความฉลาดทางอารมณ์ ประเมินแล้วจะมีคำแนะนำเบื้องต้น ถ้าพบความเสี่ยงสูง ก็สามาถเข้าปรึกษาเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ได้ที่สายด่วน 1323 จะได้มีการดูแลตนเองได้เบื้องต้นระดับหนึ่ง ถ้าให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ไม่เพียงพอ ก็เข้ารับบริการในโรงพยาบาล

2.เพิ่มศักยภาพของครอบครัวและขุมชนมาช่วยดูแลสุขภาพจิต โดยทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง มีวัคซีนใจ หวังว่าครอบครัวเกิดภูมิคุ้มกันที่ดีด้านสุขภาพจิต ใช้หลักพื้นฐาน 4 หลัก ได้แก่
1.ทำให้สงบ ทำให้คนในครอบครัวมีสติ รับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ไม่เชื่อข่าวปลอมและมีความรู้ป้องกันตนเอง
2.ทำให้คนในบ้านปลอดภัยทุกคน ในการดูแลสุอนามัยส่วนตน มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ เมื่อเข้าบ้านไม่เอาเชื้อเข้าบ้าน ถอดรองเท้า ล้างมือให้สะอาด
3.ทำให้มีความหวัง ช่วงที่อยู่บ้านต้องวางแผนอย่างมีความหวังว่าเมื่อสามารถออกไปนอกบ้านได้ จะทำอะไร ประโยชน์ในการดูแลครอบครัวและสังคม
4.มีการสื่อสารกัน แม้ตัวห่างแต่สามารถพูดคุยกันได้อย่างสม่ำเสมอระหว่างญาติมิตร ช่วยเหลือดูแลกัน มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตักเตือน ปลอบประโลมกัน จะได้ไม่เครียด ทำให้ครอบครัว ชุมชนเข้มแข็งขึ้น ดูแลสุขภาพจิตซึ่งกันและกัน

หากมองเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมานั้น “ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ประเทศไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 8.59 ต่อแสนประชากร จากภาวะปกติที่ประเทศไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 6.31 ต่อแสนประชากร เพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ 2 ต่อแสนประชากร หรือเพิ่มขึ้น 2 คนต่อวัน และในวิกฤติโควิดจะต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้อัตราฆ่าตัวตายของคนไทยไม่ให้เพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นไม่ให้เกิน 1 ต่อแสนประชากร เพราะฉะนั้นประชาชนต้องประเมินสุขภาพจิตตัวเองเป็นเบื้องต้นผ่านแอพพลิเคชั่น ประเมินด้วยตนเองเป็นเบื้องต้น และขอให้ทุกคนยึดคาถาสุขภาพจิตในการผ่านพ้นสถานการณ์นี้คือ อึด ฮึด สู้ จะทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี มีจิตใจที่มั่นคง จะสามารถผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้” นพ.เกียรติภูมิกล่าวทิื้งท้าย

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิงข้อมูลจาก: รายงานสถานการณ์ความเครียดของคนไทยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ท่านสามารถติดตามรายงานสถานการณ์โควิด-19 ได้ในแบบเรียลไทม์

Next Post

รมต.สาธารณสุข ลงพื้นที่ภูเก็ตรับทราบความคืบหน้ามาตราการโควิด-19

Thu Apr 23 , 2020
รมต.สาธารณสุข ลงพื้นที่ภูเก็ตรับทราบความคืบหน้ามาตราการโควิด-19 วันนี้  23 เม.ย. 2563 นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเรวัติ อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานและให้กำลังใจกับบุคลากรด้านสาธารณสุข ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 โดยมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ต โดยในช่วงเช้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะได้ลงตรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถลาง ตรวจเยี่ยมผู้ติดเชื้อโควิด-19 และ โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 จังหวัดภูเก็ต ณ หอประชุมศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ จากนั้นเดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อมอบนโยบาย ด้านการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมรับฟังสรุปสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค การทำงานของจังหวัดภูเก็ต โดยในช่วงบ่ายคณะของรัฐมนตรีว่าการฯ จะร่วมประชุมรับฟังปัญหาด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลงพื้นที่ภูเก็ตครั้งนี้ เพื่อติดตามการทำงานและให้กำลังใจบุคลากรด้านสาธารณสุขเพราะจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในหลาย […]
ปกข่าวสำหรับเว็ป [recovered] 01