คืบหน้าการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ ล่าช้าด้วยเหตุติดเวนคืน กรมทางหลวงเร่งแก้ปัญหาและให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่อนุญาตใช้พื้นที่
วันที่ 9 ม.ค. 65 กรมทางหลวง(ทล.) ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 425 สายทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ตอน บ.พรุ-ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ ระหว่าง กม.24+148.450-31+331.426 จ.สงขลา ระยะทาง 7.183 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 569,018,100 บาท ได้ผลงานแล้ว 7.271% จากแผนงาน 76.017% ช้ากว่าแผน 68.746%
เนื่องจากติดปัญหาจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน เพราะเป็นทางหลวงแนวใหม่ที่ต้องเวนคืนที่ดิน 100% ประกอบด้วย เวนคืนที่ดินประมาณ 447 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 328 ราย และ ต้นไม้ 204 ราย รวมเป็นเงิน 1,744,300,300 บาท พื้นที่เวนคืนเป็นสวนยางพารา และที่อยู่อาศัย กำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ยังติดปัญหาขออนุญาตเข้าพื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างจากหลายหน่วยงาน เช่น พื้นที่ทุ่งลาน ปัจจุบันใช้เลี้ยงสัตว์ ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย โดยต้องขออนุญาตก่อน
เมื่อเรียบร้อยแล้วจะทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างดำเนินการต่อไป ทั้งนี้โครงการเริ่มต้นสัญญาวันที่ 22 ต.ค.63 สิ้นสุดสัญญา 9 เม.ย.66 ระยะเวลา 900 วัน มีบริษัท สระหลวงก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้รับจ้าง คาดว่าจะต้องขยายเวลาก่อสร้างให้ผู้รับจ้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดบริการประมาณปลายปี 68 รูปแบบโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ขนาด 4 ช่อง ( 2 ช่องจราจร ไป-กลับ) ผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร มีไหล่ทาง ผิวทางคอนกรีตเสริมเหล็กแบบมีรอยต่อ (Joint Reinforced Concrete Pavement) หรือ JRCP เกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) ก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำ 7 แห่ง ติดตั้งระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง และไฟกระพริบบนทางหลวง
ปัจจุบันโครงข่ายทางหลวงโดยรอบเมืองหาดใหญ่ มีปริมาณจราจรหนาแน่น โครงการรองรับการเดินทางเลี่ยงผ่านตัวเมืองหาดใหญ่ จากแยกทางหลวงหมายเลข 414(ทล.414สายน้ำกระจาย–ท่าท้อน หรือถนนลพบุรีราเมศวร์) ตัดผ่านทล. 407 (สายคลองหวะ–สงขลา หรือถนนกาญจนวณิชย์ทางไปจ.สงขลา) ตัดผ่านทล.43 (สายหาดใหญ่–มะพร้าวต้นเดียวทางไป อ.นาหม่อม) ตัดผ่านทล.4 (ถนนเพชรเกษม) และบรรจบทล.4135 (ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่) เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ แยกรถที่ไม่ต้องผ่านตัวเมืองหาดใหญ่ให้ใช้ทางเลี่ยงเมืองแทน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ส่งเสริมการขนส่ง การท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ เชื่อมต่อประเทศมาเลเซียได้
อ้างอิง : กรมทางหลวง