สงขลา เรือประมงปลอมแปลงสัญชาติถูกจับคาอู่ 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 18 คน
วันที่ 3 ธ.ค. 64 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายพร้อมด้วย พลเรือตรี สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.ภาค 2) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิงหนคร กองบังคับการตำรวจน้ำสงขลา เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าสงขลา เจ้าหน้าที่ศุลกากรภาค9 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 9 เดินทางมาที่ อู่เรือศรีสงขลา หมู่ 2 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา เพื่อมาตรวจเรือที่ยึดไว้ 5 ลำเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมาที่ชุดปฏิบัติการด้านการประมง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน ศพดส.ตร.ศรชล ภาค 2 และตำรวจภูธรภาค 9 ได้เข้าทำการตรวจสอบ อายัด และสั่งกักเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติ
ซึ่งลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 5 ลำ พร้อมลูกเรือ จำนวน 15 ราย โดยแยกตามพฤติการณ์เป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 : เรือประมงจำนวน 3 ลำ ได้แก่ 1 เรือ KM.EDBERT JAYA 5 ขนาด 30 ตันกรอส เป็นเรือประมงของ นายพิทักษ์ อิ่มทั่ว อายุ 60 ปีชาว จ.ปัตตานี ตรวจพบลูกเรือ 3 ราย 2 เรือ KM.KILAT MAJU JAYA 65 ขนาด 148 ตันกรอส เป็นเรือประมงของ นายพิทักษ์ อิ่มทั่ว ตรวจพบลูกเรือ 3 ราย 3 เรือ KM.HASIL MELIMPAH 12 ขนาด 30 ตันกรอส เป็นเรือประมงของ นายพิทักษ์ อิ่มทั่ว ตรวจพบลูกเรือ 3 รายเรือกลุ่มนี้ตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงชื่อบริเวณหัวเรือ จากชื่อเรือมาเลเซีย เป็นชื่อเรือและประดับธงอินโดนีเซีย ก่อนเดินทางออกจากท่าเทียบเรือ ประเทศมาเลเชีย มายัง อู่เรือศรีสงขลา จ.สงขลา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้งไม่แจ้งกรมประมงและกรมเจ้าท่ากลุ่มที่ 2 : เรือประมงจำนวน 2 ลำ ได้แก่ 1 เรือ JADE 3 EKS.FU YUAN YU 793 ขนาด 210 ตันกรอส เป็นเรือประมงของ นางสมสวย คงวัดใหม่อายุ 65 ปี ชาวจ.ปัตตานี ตรวจพบลูกเรือ 3 ราย 2 เรือ JADE 5 EKS.FU YUAN YU 794 ขนาด 207 ตันกรอส เป็นเรือประมงของ นายสุรัตน์ บัวผุด อายุ 55 ปี ชาวจ.ปัตตานี
ตรวจพบลูกเรือ 3 รายเรือกลุ่มนี้ตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงชื่อบริเวณหัวเรือ ปิดบังอำพรางชื่อและสัญชาติเรือ โดยการประดับธงชาติอินโดนีเชียเช่นกัน ก่อนเดินทางออกจากท่าเทียบเรือ ประเทศมาเลเซีย มาจอดพักที่ท่าเทียบเรือ อ.ตากใบจ.นราธิวาส และเดินทางมายังอู่เรือศรีสงขลา จ.สงขลา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้งไม่แจ้งกรมประมงและกรมเจ้าท่า เช่นเดียวกันเรือประมงทั้ง 5 ลำมีลูกเรือรวมทั้งสิ้น 18 ราย เป็นบุคคลสัญชาติไทยจำนวน 16 ราย กัมพูชา 2 ราย และเมียนมา 1 ราย และมีพฤติการณ์ในการแจ้งข้อมูลการเข้าออกท่าเทียบเรือช้ากว่าที่กำหนด และตัวแทนเรือดังกล่าวมีการยื่นเอกสารสำแดงเป็นเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย แต่รายละเอียดในเอกสารไม่ตรงกับตัวเรือจริง ทั้งสัญชาติขนาดและเครื่องยนต์การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานลักลอบนำเข้าเรือประมงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับปลอมแปลงหรือปิดบังเครื่องหมายเรือประมงหรือทะเบียนเรือประมงซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 มีโทษปรับตามขนาดเรือ ตั้งแต่ 6 แสนถึง 30ล้านบาท ซึ่งเรือประมงทั้ง 5 ลำจะต้องถูกปรับเป็นวงเงินรวมกันถึง 67.8 ล้านบาท
ด้านพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และประธานคณะทำงานฯ ได้กล่าวย้ำว่า”ประเทศไทยต้องเป็นผู้นำต่อต้าน IUU ในอาเซียน รวมถึงไม่มีการประมง IUUทั้งระบบ โดย1 เรือประมงถูกต้อง ไม่ว่าเรือไทย เรือสัญชาติอื่น ทุกลำต้องมีทะเบียน มีสัญชาติเดียว และต้องแจ้งเข้า-ออก ตามกฎหมายทุกฉบับ 2 การทำประมงถูกต้อง เรือประมงไทยจะจับปลาต้องมีใบอนุญาต เครื่องมือประมงต้องเป็นไปตามมาตรฐานไม่ทำลายล้างทรัพยากรทะเล ไม่มีการจับสัตว์ทะเลคุ้มครอง สัตว์ทะเลสงวน เช่น โลมา วาฬ พะยูน รวมถึงการจับปลาในเขตพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ชายฝั่ง โดยเด็ดขาด และสุดท้าย 3 แรงงานประมงบนเรือถูกต้อง ทุกคนต้องเป็นแรงงานที่เข้าตามระบบ ได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ ครบถ้วน มีเวลาทำงาน เวลาพักตามกฎหมาย ไม่มีแรงงานเด็กแรงงานบังคับ ไม่มีการขนถ่ายแรงงาน ค้ามนุษย์ทั้งกลางทะเลและบนบก โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกัน ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการทำงานว่า เอาจริง และตั้งใจเต็มที่ ในการตัดเนื้อร้าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ให้ออกจากภาคประมงไทย คนเหล่านี้ต้องไม่มีที่ยืน
ขณะเดียวกันพี่น้องชาวประมงที่ดีจะได้รับความคุ้มครองดูแลจากภาครัฐอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า ประเทศไทยในฐานะรัฐเจ้าของท่า (Port State) ยังคงมีระบบการควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าหน่วยงานของรัฐ NGOs และพี่น้องชาวประมงที่ต้องการเห็นทะเลไทย ไร้ IUU สำหรับการเดินทางมาตรวจสอบเรือประมงทั้ง 5 ลำในวันนี้ ได้ออกหมายจับไปแล้ว 18 คนเป็นเจ้าของเรือ3คนและลูกน้อง 15 คนและเร็วๆนี้จะมีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกและเรือประมงที่จับมาได้ทั้ง 5 ลำมี 1 ลำที่ล่าปลาโลมา 11 ตัวมาฆ่าที่บนเรือ
อ้างอิง : ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา