สรุปสถานการณ์ โควิด-19 ประจำวันที่ 25/03/2563 ในไทย ณ ขณะนี้ นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โฆษกกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน และ แพทย์หญิง ปฐมพร ศิรประภาศิริ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศงดการร่วมกลุ่มของคน เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก และห้ามปกปิดข้อมูลประวัติเสี่ยง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขอย่างมาก
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าไทยมียอดผูเสียชีวิตเป็นอันดับ 32 ของโลก ผู้ป่วย 934 ราย รุนแรง 4 ราย รักษาอยู่ 860 ราย หายและกลับบ้านได้แล้ว 70 ราย พื้นที่ภาคใต้มีผูติดเชื้อทั้งสิ้น 46 ราย
แพทย์หญิง ปฐมพร ได้แนะนำว่าตอนนี้เราสามารถประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเองได้ที่ เว็ปไซต์โรงพยาบาลราชวิถี ทั้งยังได้บอกถึงภาพรวมของอาการป่วยกว่า 80 % มีอาการจากไข้หวัดธรรมดา 7-15 % มีการอาการปอดอักเสบ 3-5% ปอดอักเสบรุนแรง ในไทยอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.4 % ในตอนนี้ปัญหาที่หนักขึ้นคือบุคคลากรทางการแพทย์มีอัตราการติดเชื่้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการว่าหากมีผู้ป่วย 5,000 คน จะต้องใช้ยาถึง 350,000 เม็ด ซึ่งตอนนี้ประเทศผู้จำหน่ายหลักเป็นจีนและญี่ปุ่น การตรวจแบบ PCM การตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกชั้นใน แต่เป็นการใช้ Test Kit หรือการตรวจระบบภูมิคุ้มกันนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า จะรู้ผลว่าติดโควิด-19 หรือไม่
การเข้าสู่ระยะที่สามของไทยนั้น ทางคณะกรรมการวิชาการจะเป็นผู้ที่ประกาศ ให้ทราบ ซึ่งการเข้าสู่ระยที่สามนั้นจะต้องมีการกระจายไปยังกลุ่มที่สี่นั้นคือกระจายโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงนับว่าเป็นระยะสาม ขณะเดียวกันระบบสาธารณสุขในไทยได้มีการดำเนินนโยบายที่มากกว่า การควบคุมในระดับสองแล้วในตอนนี้ ยังได้มีรายงานถึงการติดเชื้อของผู้ต้องขัง ในตอนนี้ได้ออกนโยบายวดเยี่ยมมีการคัดกรงผู้ต้องขังรายใหม่ ไม่ให้มีการติดต่อกับรายอื่นๆ
ทั้งนี้โฆษกยังได้อธิบายอีกว่า การได้รับใบรับรองแพทยืจากต่างประเทศ ยังจำเป็นต้องกักตัวอยู่บ้าน14วันเพราะ ในช่วงที่ตรวจรอบแรก เชื้ออาจไม่ได้แสดงให้เห็นในร่างกายนัก
ในด้านการสื่อสารความเสี่ยงกับประชาชน
● โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ป้องกันได้โดยใช้หลักการป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจ ได้แก่ ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
● หลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศจีน และประเทศที่มีรายงานการแพร่เชื้อในท้องที่ (Local transmission)ระหว่างเดินทางในต่างประเทศขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมีมลภาวะ และไม่อยู่ใกล้ชิด
ผู้ป่วยไอจาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย
● ภายใน 14 วัน หลังเดินทางกลับจากประเทศที่มีการรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในประเทศได้แก่ จีน (รวมฮ่องกงและมาเก๊า) เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ออสเตรีย เบลเยียม มาเลเซีย แคนาดาโปรตุเกส บราซิล เช็กเกีย อิสราเอล ออสเตรเลีย เกาะไอร์แลนด์ ปากีสถาน ฟินแลนด์ ตุรกี กรีซ ชิลี ลักเซมเบิร์ก โปแลนด์ เอกวาดอร์ ฝรั่งเศส สเปน อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์สวีเดน อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น หากมีไข้ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจ หากมรอาการ เหนื่อยหอบ ควรรีบพบแพทย์ทันทีพร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทางไปในเมืองของประเทศดังกล่าวข้างต้นร่วมด้วย โดยดูรายละเอียดได้จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
● หลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่าหรือที่มีชีวิตและการสัมผัสโดยไม่ใช้ถุงมือ
● หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปากโดยไม่จำเป็น
● ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสาร คัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
● รับประทานอาหารปรุงสุกร้อน
**ข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถแอดไลน์ ไทยรู้สู้โควิด เพื่อทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ได้จากกระทรวงสาธารณสุข หรือ แฟนเพจ ไทยรู้สู้โควิด
อ้างอิง: Live แถลงสถานการณ์ COVID-19