ตำรวจภูธรสงขลา บังคับใช้กฎหมายเข้มงวดจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดได้ 37 คดี มีผู้ต้องหา 122 คน
วันที่ 24 มิ.ย. 64 พลตำรวจตรี อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ ศบค.ส่วนกลาง จะมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังคงให้แต่ละจังหวัดดำเนินมาตรการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในพื้นที่ โดยในส่วนของจังหวัดสงขลายังคงคุมเข้มในหลายมาตรการ เช่น เวลาในการเปิดให้รับประทานอาหารในร้าน การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง การห้ามจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การห้ามรวมกลุ่ม หรือจัดเลี้ยงสังสรรค์ การสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหสถาน เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้มีการดำเนินการบังคับใข้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เช่น การจับกุมผู้ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยได้มีการตั้งจุดตรวจ และตรวจค้น ผลการปฏิบัติงานช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีการจับกุมคนนำพา และคนให้ที่พักพิงในหลายคดี ส่วนการเข้มงวดกวดขันต่อผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ 37 คดี มีผู้ต้องหา 122 คน ฝ่ายปกครองจับกุมได้ 68 คดี มีผู้ต้องหา 220 คน รวม 105 คดี ผู้ต้องหา 342 คน ศาลพิพากษาแล้ว 47 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีมั่วสุม ลักลอบเล่นการพนัน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การไม่สวมหน้ากากอนามัย การลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าว เป็นต้น
ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามประกาศ และมาตรการควบคุมการระบาดของโรคของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลาอย่างเคร่งครัด และต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไปในวงกว้าง หากพบมีการกระทำผิดกฎหมายหรือละเมิดคำสั่งประกาศจังหวัดในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีทันที
อ้างอิง : ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา
Thu Jun 24 , 2021
โรงแรมด่านสะเดา จ.สงขลา พร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงเป้าหมายเปิดทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน หากเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ๆ พร้อมก็จะทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น โดยนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ควรเดินทางกลับเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน รวมทั้งสถานที่ทำงาน และธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ต้องกลับมาเปิดทำการได้ การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ควรไม่มีข้อห้าม หรือข้อบังคับแบบเหมารวมทั้งจังหวัด วันที่ 24 มิ.ย. 64 นางอารมย์ ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ เจ้าของโรงแรมพีพี ด่านนอก ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รายได้หลักของครอบครัวมาจากการทำธุรกิจโรงแรม ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 20 ปี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ คือชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย มียอดการจองห้องพักเฉลี่ยวันละ 50 ห้อง สร้างรายได้หลักหมื่นต่อวัน แต่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น จนมีการออกประกาศห้ามนักท่องเที่ยวผ่านด่านศุลกากรสะเดา ทำให้ไม่มีลูกค้า จึงต้องปิดทำการชั่วคราวมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ส่วนรายได้รองที่มาจากการปล่อยให้เช่าพื้นที่ เพื่อเปิดร้านขายสินค้าบริเวณชั้น 1 ของโรงแรมก็หายไปด้วย เนื่องจากผู้เช่าไม่มีรายได้ จำเป็นต้องทิ้งร้าน หรือปิดกิจการด้วยเช่นกัน การเปิดประเทศจึงเป็นความหวังของทั้งตนและผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่ แต่ก็ยอมรับว่ายังมีความกังวล เพราะด่านสะเดาเป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นจุดเสี่ยง อีกทั้งตนและลูกๆ ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน มีเพียงสามีเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว เนื่องจากอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จึงอยากให้ภาครัฐจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกอบการและประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตชายแดนได้ฉีดให้ครบเสียก่อน แล้วจึงค่อยเปิดประเทศ ซึ่งในขณะนี้ตนยังไม่มีแผนสำหรับการเปิดโรงแรมอีกครั้ง เนื่องจากปิดมาเป็นเวลานาน หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ และจัดสรรวัคซีนไว้สำหรับพนักงานที่มาจากต่างพื้นที่ด้วย อ้างอิง : สวท.สงขลา Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine