แนวทางการส่งบุคคลสัญชาติไทยกลับภูมิลำเนาผ่านด่านถาวร อ.สะเดา ตั้งแต่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป
มติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 แจ้งแนวทางปฎิบัติในการส่งบุคคลสัญชาติไทยที่ผ่านการกักตัวกลับภูมิลำเนา สำหรับบุคคลที่เดินทางผ่านด่านถาวร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา หลังจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป โดยให้ผู้ที่เข้ารับการกักกันตัวตามภูมิลำเนา ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยตนเอง
เงื่อนไขมีดังนี้
1.บุคคุลที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล จะถูกส่งไปดำเนินการกักตัวตามภูมิลำเนา
2.บุคคุลที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดสงขลา จะถูกส่งไปดำเนินการกักตัวตามภูมิลำเนา
3.บุคคลที่อยู่ในจังหวัดอื่นๆ จะอยู่ในสถานที่กักตัวอยู่ในสถานที่กักกันของจังหวัดสงขลา เมื่อได้กักตัว ครบ 14 วัน จะมีการส่งตัวกลับภูมิลำเนา ณ กรุงเทพมหานคร เพียงจุดเดียว โดยค่าใช้จ่ายในการกักตัว ค่าที่พัก ค่าอาหาร และการส่งตัวกลับ
HATYAITODAYNEWS
อ้างอิง : ศาลากลางจังหวัดสงขลา
Fri Jul 31 , 2020
สำนักสาธารณะสุขยะลา แนะวิธีการป้องกัน Covid-19 ในช่วงวันรายอนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เป็นวัน รายออีดิลอัฎฮา ซึ่งทำให้พี่มุสลิมที่อยู่ในต่างจังหวัดได้กลับเข้ามาเพื่อพิธีดังกล่าวกับครอบครัวของตนเอง ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณะสุข ได้นำเสนอข้อมูลวิธีการป้องกันโควิด-19 จากช่วงเทศกาลวันฮารีรายอ โดยวิธีการดังกล่าวประด้วย 6 วิธีสำคัญได้แก่ 1.การกล่าวทักทาย (สลาม) ด้วยการเลี่ยงการสัมผัสด้วยมือหรือสวมกอด 2.ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน และทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวสม่ำเสมอ และห้ามใช้หน้ากากอนามัย และผ้าร่วมกับผู้อื่น 3.รับประทานอาหารร่วมกัน ใช้ช้อนกลางของตนเองไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกัน 4.ไม่อาบน้ำละหมาดจากอ่างน้ำเดียวกัน หรือกรณีละหมาดที่มัสยิด ให้อาบน้ำละหมาดไปจากบ้าน 5.ไม่ใช้เครื่องนุ่มห่มร่วมกัน เช่น ผ้าละหมาด พรมละหมาด ฮีญาบ ฯลฯ 6.สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกเคหสถาน ทั้งนี้หากท่านใดที่มีอาการ มีไข้ตัวร้อนมีอุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ถ่ายเหลว หรือกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงผู้คนแออัดอยู่เป็นจำนวนมาก ให้รีบเข้าพบแพทย์ หรือสถานพยาบาลที่ใกล้ท่านเพื่อรักษาให้รวดเร็วที่สุด HATYAITODAYNEWS ข้อมูลเพิ่มเติมจาก […]