นายกรัฐมนตรี ยืนยันจำเป็นต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน และเตรียมผ่อนปรนระยะ 5 เนื่องจากเห็นใจผู้มีรายได้น้อยรวมถึงผู้ไม่มีงานทำ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือไทยมีผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มากนัก เพราะมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ระยะแรกในช่วงปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา มีการใช้มาตรการพิเศษ และใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเช่นปัจจุบัน ซึ่งนี่คือเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากมีกฎหมายกว่า 40 ฉบับที่หลายหน่วยงานถืออยู่ ทำให้หลายกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดกิจการและกิจกรรม การเข้าออกประเทศ เพราะต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ทันต่อเวลาในการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19
ทั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังที่จะปิดกั้นใครทั้งสิ้น เพราะทุกคนคือลูกหลาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เป็นห่วงการแพร่ระบาดที่ในต่างประเทศยังมีการแพร่ระบาดอยู่ และส่วนหนึ่งมาจากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในจำนวนมาก และประเทศเหล่านั้นมีการติดเชื้อเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องนำมาประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตามจากนี้จะต้องทำงานเชิงรุกต่อไป เพื่อรองรับในวันข้างหน้า เกี่ยวกับมาตรการด้านการท่องเที่ยว การค้าขายและการประกอบกิจการต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องผ่อนปรนในระยะที่ 5 ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด เพราะเห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้ไม่มีงานทำและผู้ที่มีครอบครัว มีภาระต้องใช้จ่าย รวมถึงมาตรการความพร้อมด้านสาธารณสุขที่จะรองรับมาตรการผ่อนปรน เพื่อให้ทุกคนเห็นร่วมกันว่าเรามีความพร้อม แต่ไม่ขอรับรองว่าจะปลอดภัย 100% หรือไม่ ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคนที่จะร่วมมือกัน จึงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
อ้างอิง : ศูนย์ข้อมูล covid-19